ในแวดวงนักกิจกรรมทางการเมือง ชื่อของ “โบว์” ณัฏฐา มหัทธนา อาจไม่ใช่ชื่อใหม่ที่ชวนให้ต้องแปลกใจ เนื่องด้วยประสบการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต่อเนื่องยาวนานของเธอ ซึ่งในแง่หนึ่งเหมือนเป็นดาบสองคม
ธันวาคม 2561 ก่อนมีการเลือกตั้งเพียง 3 เดือน ผลลัพธ์จากการเคลื่อนไหวในนามกลุ่ม “คนอยากเลือกตั้ง” ทำให้โบว์ตกเป็นเป้าหมายโจมตี ทำลายชื่อเสียง การคุกคามจากเดิมที่เกิดขึ้นแค่ในโลกออนไลน์เริ่มไล่ลามมาสู่ชีวิตจริง ชื่อของเธอตกเป็นจำเลยสังคมทันที หลังจากมีผู้ไม่ประสงค์ดีปล่อยคลิปส่วนตัวขณะเธออยู่กับนักการเมืองรายหนึ่งให้สื่อหลายสำนัก นับแต่นั้นเอง การโจมตีด้วยถ้อยคำหยาบคาย คุกคามทางเพศ ไปจนถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และสารพัดการกระทำที่เข้าข่ายการ “ล่าแม่มดออนไลน์” ดูเหมือนเพิ่มขึ้นจนแทบเรียกได้ว่ากลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตไปเสียแล้ว
แต่ถึงจะหนักหนาเพียงใด สำหรับโบว์ นั่นไม่ใช่ข้ออ้างในการเลิกต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของตัวเอง
ในวาระที่การล่าแม่มดไซเบอร์เริ่มหวนคืนสู่สมรภูมิออนไลน์อีกครั้ง ศูนย์ทนายฯ ชวนคุยกับ ณัฏฐา มหัทธนา ถึงการรับมือกับการล่าแม่มดอย่างตรงไปตรงมา การยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง รวมไปถึงทัศนะต่อการเคลื่อนไหวที่ยังคงแฝงมิติเรื่องอคติทางเพศ แม้แต่ในฝ่ายประชาธิปไตยเอง
ตอนออกมาเคลื่อนไหวแรกๆ เราได้เตรียมใจไว้ก่อนไหมว่าต้องเจอกับการคุกคามบนโลกออนไลน์?
ตอนเราออกมาเคลื่อนไหวแรกๆ สมัยเสื้อเหลืองเสื้อแดง อาจยังไม่คาบเกี่ยวกับโลกออนไลน์มากเท่ายุคนี้ ถึงจะมีแต่ไม่ได้บูมเท่า เราอาจเป็นนักเคลื่อนไหวรุ่นแรกๆ ด้วยซ้ำ ที่เริ่มเคลื่อนไหวในบริบทออนไลน์หนักในช่วงหลัง
ถ้าพูดกันตามตรง เราไม่ได้เตรียมใจรับการถูกคุกคามเลย ไม่ว่าในรูปแบบไหน เพราะการเคลื่อนไหวของเราส่วนใหญ่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ไม่ได้คิดหรือเตรียมตัวไว้ก่อน เลยไม่ได้เตรียมใจขนาดนั้น
เริ่มเจอการโจมตีบนโลกออนไลน์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เริ่มมาตั้งแต่ตอนคนเริ่มรู้จักเรา แต่ไม่ได้รบกวนจิตใจมาก อาจมีการถกเถียงบ้าง แต่ไม่ถึงกับเจอคนจงเกลียดจงชังหรือคุกคาม เริ่มมาหนักตอนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเข้มข้นขึ้น คนที่เขาต้องการปกป้องอำนาจเริ่มรู้สึกเป็นลบกับเรา
สำหรับเราการแอบถ่ายและปล่อยคลิปคือเหตุการณ์รุนแรงที่สุดแล้ว ซึ่งในแง่การรับมือเรามองตามความเป็นจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออาชญากรรมและมีผู้กระทำความผิด เราเลือกจะจัดการอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่วันแรก เพราะฉะนั้นการถามตอบที่เกิดขึ้นเลยค่อนข้างตรงไปตรงมา
เรารู้สึกว่าเราต้องสู้กลับตั้งแต่เริ่มต้น ถึงเราเป็นเหยื่อแต่เราไม่ได้มองว่าพอเป็นผู้ถูกกระทำแล้วเราต้องหนีหรือรู้สึกแย่ เราเชื่อว่าหน้าที่เราคือต้องให้ความรู้กับสังคมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคืออาชญากรรม จุดยืนของเราคือการให้ความรู้กับสังคมพร้อมกับต่อสู้ไปด้วย
หลังเจอปัญหาเรื่องคลิป มีปัญหากับครอบครัวไหม เขาอยากให้เลิกเคลื่อนไหวหรือเปล่า?
เราว่าเหมือนกันทุกครอบครัวนะ คงไม่มีใครอยากให้คนในครอบครัวตัวเองมาอยู่ในจุดที่อันตราย แต่พ่อแม่เราเขารู้จักเราดีมากพอจะไม่ห้าม อาจรู้ว่าเพราะห้ามไปคงไม่เป็นผล เขาเลยต้องสตรองไปกับเราโดยอัตโนมัติ
รู้สึกว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นสร้างบาดแผลให้เราไหม? รวมไปถึงการล่าแม่มดที่ตามมาแต่ละครั้งด้วย?
แน่นอนว่ามันคือการถูกทำร้าย ต้องสร้างความเจ็บปวดแน่นอน แต่เรียกว่าบาดแผลได้ไหม? เราคิดว่าการที่เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วเรารับมือได้ นับเป็นหนึ่งในความสำเร็จในชีวิต ในชีวิตของคนคนหนึ่ง ความสำเร็จอาจเป็นการได้เรียนมหาวิทยาลัยดีๆ เรียนจบแล้วได้ทำงานที่อยากทำ แต่สำหรับเรา ถ้าให้ต้องลิสต์ความสำเร็จในชีวิตต้องมีเรื่องนี้รวมอยู่ด้วย
กลัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นและผลอื่น ๆ ที่ตามมาจากการเคลื่อนไหวจะส่งผลกระทบต่อลูกไหม ?
ตอนนี้คิดว่าไม่ แต่อาจกระทบในแง่เศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวของเราทำให้เกิดภาระในชีวิตเขา เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิต กระทบการทำงานทำให้เรามีรายได้น้อยลง หลังจากมีประเด็นเรื่องคลิปภายในอาทิตย์เดียว เราต้องเสียงานที่เป็นรายได้หลักคืองานวิทยากรในองค์กรเอกชน
แต่ในแง่กระทบจิตใจลูกไหม อาจตอบได้ว่าไม่ ส่วนหนึ่งเพราะเขายังเด็กเกินกว่าจะรับรู้ และตัวเขาเองได้รับการวางรากฐานเรื่องค่านิยม ประชาธิปไตย การเคารพสิทธิมาค่อนข้างดี เราเชื่อว่าถึงแม้เขาโตขึ้นแล้วรับรู้เรื่องพวกนี้ ก็ไม่น่าเป็นปัญหากับตัวเขา ยิ่งเขาเห็นว่าเราไม่เป็นอะไรด้วย
การที่เรารับมือประเด็นเรื่องการคุกคามทางเพศอย่างตรงไปตรงมา คิดว่าอาจส่งผลสะท้อนด้านลบต่อตัวเราเองบ้างไหม?
“สิ่งที่เราพยายามทำคือพยายามสร้างค่านิยมที่ถูกต้องให้สังคมผ่านการต่อสู้ของเรา – ณัฏฐา มหัทธนา”
สำหรับคนที่ชอบเรา เขาจะยิ่งซัพพอร์ตเรามากกว่าเดิม แต่สำหรับคนที่เกลียดเรา เราว่าเขาน่าจะยิ่งเกลียดเรามากขึ้นไปอีก (หัวเราะ) เพราะเขาคงรู้สึกว่า เขาทำอะไรเราไม่ได้สักที เมื่อศัตรูของคุณคิดว่าอาวุธที่เขาใช้กับคุณมันคืออาวุธที่ร้ายแรงที่สุดที่เขามีแล้ว แต่เขายังทำอะไรเราไม่ได้ มันยิ่งทำให้เขาเกลียดเรายิ่งกว่าเดิม
สำหรับเรา เรามองว่าคนที่ไม่ชอบเขาไม่มีวันชอบเราอยู่แล้ว มีแต่คิดว่าจะเกลียดหรือทำร้ายเราแค่ไหน สิ่งที่เราพยายามทำคือพยายามสร้างค่านิยมที่ถูกต้องให้สังคมผ่านการต่อสู้ของเรา นี่คือวิธีที่เราใช้เพื่อรับมือกับสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราคิดไว้ตั้งแต่วันแรกที่โดน เราคิดว่าถ้าวันหนึ่งมีคนโดนแบบเดียวกับเราแต่อ่อนแอกว่าเรา เขาจะรับมือมันได้อย่างไร ถ้าเขาไม่เคยเห็นตัวอย่างมาก่อนว่ามันเคยมีคนที่ผ่านมาแล้ว แล้วผ่านได้อย่างไร
การโดนคุกคามทางเพศส่งผลต่อความรู้สึกในการเคลื่อนไหวในประเด็นทางการเมืองของเราไหม?
เอาจริง ๆ เรารู้สึกว่ามันเป็นภาระ แทนที่เราจะได้โฟกัสประเด็นเคลื่อนไหวอย่างเดียว แต่เราต้องเจอการคุกคามที่เป็นสิ่งบั่นทอนด้วย แต่พอผ่านเวลาไปนาน ๆ เราโตขึ้นตามประสบการณ์ มันก็แค่กลายเป็นความรำคาญ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้สึกอะไรเลยขนาดนั้น
สิ่งที่แย่ในความรู้สึกของเราคือ ทำไมถึงมีคนในสังคมที่คิดบั่นทอนคนอื่นได้ขนาดนี้ สำหรับเราการสู้กับเผด็จการไม่ได้เป็นเรื่องยาก ไม่ได้ทำให้เราท้อ แต่สิ่งที่ทำให้เราท้อคือความคิดลดทอนของคนในสังคม แต่เราเชื่อว่าถ้าเราเปลี่ยนสังคมได้ เราจะสามารถเปลี่ยนระบบความคิดแบบนี้ได้ด้วย เราเลยจำเป็นต้องใช้วุฒิภาวะทางความคิด เพราะตราบใดที่ไม่ได้มีการสร้างค่านิยมที่ถูกต้อง ชุดความคิดที่ลดทอนคนอื่นจะยังอยู่ไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เราทำอาจเหมือนน้ำซึมบ่อทราย แต่ไม่ได้สูญเปล่าซะทีเดียว
จากการได้เห็นฟีดแบ็กของคนที่เข้ามาในเฟสฯ เรา เราเห็นว่าคนมีพัฒนาการขึ้นเยอะ อยู่ที่ตัวเราเองว่าเราจะโฟกัสตรงไหน บางทีเราโพสต์ มีคนเห็นด้วยเป็นร้อย มีคนเข้ามาด่าเราแค่ 2 – 3 คน แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์ เรามักโฟกัสแต่คนที่เข้ามาด่า ถ้าเราไม่เตือนตัวเองเราจะลืมไปว่ามีคนตั้งเยอะนะที่มีค่านิยมที่ถูกต้อง และเขาต้องการให้เราทำสิ่งเหล่านี้ต่อไป เพราะฉะนั้นอยู่ที่วิธีคิดของเราด้วยว่าเราจะโฟกัสกับอะไร
ในขบวนการเคลื่อนไหว นักกิจกรรมชายมักโดนโจมตีประเด็นทางเพศน้อยกว่า คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?
ใช่ น้อยกว่ามาก ๆ เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจว่าสังคมชายเป็นใหญ่จริง ๆ เป็นอย่างไร ถึงแม้เราจะไม่ใช่เฟมินิสต์ เราไม่ได้รู้สึกกับเรื่องนี้มาก่อน แต่พอโดนกับตัวเองถึงเข้าใจ
ถ้ามีกรณีคล้ายข่าวของเรากับนักการเมืองท่านนั้นเกิดขึ้นในสังคม คนมักมองว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายอยากได้ผลประโยชน์ในความสัมพันธ์และโทษฝ่ายหญิงอย่างชัดเจนมาก โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นดาราหรือคนมีชื่อเสียง วงการนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเองก็ยังมีมิตินี้ บางทีมีกรณีสุดโต่งเช่นมีคนมองว่าเราอยากดังเพราะอยากได้ผู้ชาย (หัวเราะ) ซึ่งการคิดแบบนี้หาเหตุผลไม่ได้
อยากจะฝากอะไรถึงนักกิจกรรมรุ่นใหม่ที่เป็นผู้หญิงไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเจอการล่าแม่มดและการคุกคามทางเพศ ต้องรับมือกับความรู้สึก รวมไปถึงต้องมีมุมมองต่อการล่าแม่มดอย่างไร โดยเฉพาะถ้ามีผลกระทบกับชีวิต?
“เรื่องของเรามันยังไม่ได้ถูกพูดถึงอย่างเพียงพอ ยิ่งถ้าเราปล่อยเอาไว้ มันยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับคนอื่นอีก – ณัฏฐา มหัทธนา”
เราว่าต้องมองมันอย่างตรงไปตรงมา เวลาเราถูกกระทำ มันอาจเจ็บปวด แต่เราต้องตั้งหลักว่า ในเรื่องนี้ใครกันสมควรที่จะต้องอาย ใครสมควรต้องถูกเปลี่ยนแปลง ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง แล้วพยายามไฮไลท์ประเด็นว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง
แต่ในขณะเดียวกัน เราเรียกร้องจากผู้หญิงอย่างเดียวไม่ได้ สังคมควรต้องมีส่วนร่วมปกป้องด้วยพอสมควร อย่างกรณีของเรา เพราะเราสามารถรับมือได้ กลายเป็นว่าไม่มีใครออกมาปกป้องเราเหมือนกัน ถ้าว่ากันตามตรงในประเทศนี้มีนักกิจกรรมหญิงคนไหนโดนหนักเท่าเราบ้าง? แต่เวลาพูดถึงการคุกคามทางเพศ เรื่องของเรากลับไม่เคยถูกพูดถึง
กรณีของเรา เรามองว่าค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น และรุนแรงมากพอที่ควรถูกไฮไลท์เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ตอนเราไปเดินเรื่องเพื่อแจ้งความที่ ปอท. และร้องเรียนกับกระทรวงดีอี เราไปพร้อมหลักฐานในมือ เจ้าหน้าที่ค้นข้อมูลให้เราเห็นตรงนั้นเลยว่าคนเอาข้อมูลของเรามาเผยแพร่มีที่อยู่อยู่ที่ไหน แต่พอเราแจ้งความเสร็จรับเอกสารกลับบ้านแล้ว เขาไม่เดินเรื่องต่อ แม้แต่คนในฝ่ายประชาธิปไตยหรือคนมีแนวคิดเสรีนิยมยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากพอ
การที่เราสู้อยู่คนเดียวและไม่ได้ถูกให้น้ำหนักมากพอน่าเป็นห่วงนะ วันหนึ่งอาจมีนักกิจกรรมหญิงคนอื่นโดนแบบเดียวกับเรา ยิ่งพอรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรามันไม่ได้รับการแก้ไขหรือช่วยให้เขารับมือเรื่องของตัวเองได้ง่ายขึ้น สังคมควรต้องมีส่วนร่วมช่วยเหลือนักกิจกรรมหญิง มีส่วนร่วมปกป้องเหยื่อมากกว่านี้ และมีส่วนร่วมสร้างค่านิยมที่ถูกต้อง
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง:
ส่องสถานการณ์ “ล่าแม่มด” หลังเกิดกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส”
ชลิตา บัณฑุวงศ์: จะอยู่รอดและชนะได้อย่างไรเมื่อโดนเสียบและล่าแม่มด
ชุมนุมสกายวอล์คยังไม่จบ! เจ้าหน้าที่ ปอท. เรียกเหยื่อล่าแม่มดเข้าให้ถ้อยคำ