ศาลทหารสืบตำรวจนางเลิ้งพยานในคดี “พลเมืองรุกเดิน” พยานตอบทนายกิจกรรมไม่เกิดความวุ่นวาย
ศาลทหารสืบพยานตำรวจที่สังเกตการณ์กิจกรรม “พลเมืองรุกเดิน” พยานตอบทนายว่ากิจกรรมไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีการปราศรัย อีกทั้งจำเลยเป็นพลเรือนก็มีสิทธิรณรงค์ไม่ให้ศาลพิจารณาคดีพลเรือน หลังสืบเสร็จศาลได้นัดสืบพยานปากต่อไปวันที่ 19 มีนาคมนี้
5 มี.ค.2562 ศาลทหารกรุงเทพนัดสืบพยานตำรวจในคดี “พลเมืองรุกเดิน” ที่อัยการทหารฟ้องพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ในข้อหาฝ่าฝืนชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 7/2557 ชุมนุมการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) จากเหตุที่พันธ์ศักดิ์ทำกิจกรรมเดินจากบ้านพักย่านบางบัวทองไปรายงานตัวในคดี “เลือกตั้งที่(รัก) ลัก” ที่ศาลทหารกรุงเทพ เพื่อเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร
พยานปากนี้คือ ร.ต.อ.ปภาณ สีหาอาจ อดีตรองสารวัตรป้องกันปราบปราม และรองสารวัตรสืบสวน สน.นางเลิ้ง เบิกความตอบคำถามอัยการทหารซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2558 ก่อนวันเกิดเหตุเขาได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาที่ได้รับแจ้งมาจากพ.ต.ท.สถิตย์ สังข์ประไพ ผู้กำกับสืบสวนนครบาล 1 อีกทีว่ากลุ่มพลเมืองโต้กลับ ได้โพสต์เฟซบุ๊กชักชวนคนมาร่วมชุมนุมทางการเมืองในระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค.2558 เพื่อเรียกร้องไม่ให้พลเรือนต้องถูกดำเนินคดีในศาลทหาร และกิจกรรมดังกล่าวจะเดินผ่านพื้นที่รับผิดชอบของสน.นางเลิ้ง ซึ่งกลุ่มพลเมืองโต้กลับมีนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ เป็นสมาชิกอยู่ด้วย
พยานเบิกความตอบอัยการว่าการโพสต์ของจำเลยเพื่อชวนคนมาคัดค้านการนำพลเรือนมาขึ้นศาลทหารเป็นการต่อต้านอำนาจของรัฐบาล
ร.ต.อ.ปภาณ เบิกความถึงวันเกิดเหตุว่า วันที่ 15 มี.ค.2558 ประมาณ 10.00 น. ผู้กำกับสน.นางเลิ้งได้สั่งให้พยานไปรอสังเกตการณ์ที่บริเวณแยกสวนมิสกวัน และแจ้งว่าจำเลยจะผ่านมาซอยรางน้ำ เขตพญาไท ถนนศรีอยุธยา แล้วผ่านมาทางแยกสวนมิสกวันซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ สน.นางเลิ้ง โดยมีการแจ้งสถานการณ์กันผ่านทางกลุ่มคุยในไลน์
ร.ต.อ.ปภาณได้พบกับจำเลยและพวกรวม 5 คน มาพร้อมกับนักข่าวและเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่ติดตามสังเกตการณ์อยู่ ตนทราบได้ว่าใครเป็นนักข่าวและเจ้าหน้าที่เพราะจะมีป้ายห้อยคอบอกสังกัด และจะมีการถ่ายภาพและเขียนรายงานส่ง ทั้งยังเดินเว้นระยะกับผู้มาชุมนุม ซึ่งต่างกับคนที่มาเข้าร่วมซึ่งระหว่างเดินก็จะมีการโบกมือไปด้วย
ร.ต.อ.ปภาณเบิกความต่อว่า จากนั้นกลุ่มของจำเลยได้เดินผ่านแยกมิสกวันไปทางสะพานมัฆวาน และไปแวะพักที่ร้านไก่ย่างผลเจริญ พร้อมกับบุคคลอื่นๆ รวม 8 คน ซึ่งระหว่างที่จำเลยและพวกนั่งรับประทานอาหารอยู่นั้น พยานนั่งรออยู่ข้างนอก แต่เห็นข้างในร้านเพราะสามารถมองผ่านกระจกเข้าไปในร้านได้ และมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบบางนายถ่ายภาพส่งทางไลน์ว่ามีใครอยู่ในร้านบ้าง
จากนั้นเวลาประมาณ 12.00 น. พวกของจำเลยรับประทานอาหารเสร็จ กลุ่มของจำเลยทั้ง 5 คน จึงออกจากร้านและเดินไปทางแยก จปร. พยานได้ตามสังเกตการณ์ไปจนถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของสน.สำราญราษฏร์ พยานได้รายงานและส่งภาพถึงผู้บังคับบัญชา จากนั้นตำรวจจากสน.สำราญราษฏร์และนครบาล 1 ที่มีพื้นที่รับผิดชอบหลายโรงพักได้ติดตามสังเกตการณ์กลุ่มของจำเลยต่อ
ภายหลังพนักงานสอบสวนสน.สำราญราษฏณ์ก็ได้เรียก ร.ต.อ.ปภาณไปสอบปากคำในฐานะพยาน
ช่วงทนายความถามค้าน ร.ต.อ.ปภาณเบิกความว่าตนทราบว่าพันธ์ศักดิ์มีข้อเรียกร้องไม่ให้พลเรือนขึ้นศาลทหาร และพยานยังทราบด้วยว่าเจตนารมณ์ในการตั้งศาลทหารก็เพื่อพิจารณาคดีของทหาร
ทนายความได้ถาม ร.ต.อ.ปภาณ ว่าการกระทำของจำเลยซึ่งเป็นพลเรือน จึงมีสิทธิที่จะรณรงค์เรื่องดังกล่าวได้ใช่หรือไม่ พยานตอบว่าใช่
ทนายความถามต่อว่าตามที่พ.ต.ท.สถิตแจ้งว่าจำเลยมีการโพสต์เชิญชวนคนเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2558 ตัวพยานไม่ได้เห็นโพสต์ดังกล่าวเองใช่หรือไม่ ร.ต.อ.ปภาณเบิกความตอบว่าไม่เห็น ทนายความจึงถามพยานต่อว่าดังนั้นก็ไม่ทราบเจตนาของจำเลยที่ไม่ต้องการทำผิดกฎหมายด้วยใช่หรือไม่ พยานตอบว่าไม่ทราบ
ร.ต.อ.ปภาณเบิกความตอบคำถามทนายความในประเด็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในวันเกิดเหตุ สถานการณ์เรียบร้อยไม่มีความวุ่นวาย จำเลยไม่ได้มีการปราศรัย และในวันนั้นรัฐบาลก็ยังสามารถบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้
ทนายความถามถึงรายละเอียดในบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของร.ต.อ.ปภาณ ที่ในบันทึกไม่มีคำให้การเกี่ยวกับรายละเอียดของบุคคลอื่นๆ ที่มาร่วมเดินเหมือนที่เบิกความตอบคำถามอัยการไปนั้น พยานไม่เคยให้การรายละเอียดเรื่องนี้ไว้ในชั้นสอบสวนมาก่อนใช่หรือไม่ พยานตอบว่าไม่เคย
เมื่ออัยการทหารถามติง จึงได้ถาม ร.ต.อ.ปภาณว่าแต่คำเบิกความในรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ที่มาร่วมเดินกับจำเลยนั้นพยานยังยืนยันตามที่ได้เบิกความต่อศาลใช่หรือไม่ พยานตอบว่ายืนยันตามคำเบิกความ
หลังการสืบพยานปากนี้เสร็จสิ้น อัยการทหารได้แถลงว่าหมดพยานที่จะนำเข้าสืบในวันนี้ และได้ขอศาลสืบพยานปากถัดไปในวันที่ 19 มี.ค.2562
ก่อนหน้านี้การสืบพยานในวันนี้ ศาลทหารได้มีคำสั่งจำหน่ายข้อหาตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 7/2557 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิดลักษณะเดียวกับคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ข้อ 12 ที่ถูกยกเลิกความผิดไปแล้วตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2561 เรื่อง การให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติภายหลังระบุให้การชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปไม่เป็นความผิดอีกต่อไป ทำให้คดีนี้เหลือการพิจารณาคดีในข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 จากเหตุที่โจทก์กล่าวหาว่าพันธ์ศักดิ์ได้โพสต์เฟซบุ๊กชักชวนคนมาร่วมชุมนุมกับตนเพื่อต่อต้านการนำคดีพลเรือนมาพิจารณาในศาลทหาร