12 ก.พ. 62 ศาลแขวงดุสิต มีนัดพิจารณาคดีการชุมนุมคนอยากเลือกตั้งในส่วนของผู้ชุมนุม 2 คดี คือ คดีชุมนุมที่บริเวณถนนราชดำเนิน หรือ “RDN50” เมื่อวันที่ 10 ก.พ.61 ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาตามคำร้องของทนายความให้วินิจฉัยข้อกฎหมายคำสั่ง คสช. ที่ 22/2561 ให้ยกเลิก 3/58 ในวันที่ 3 พ.ค. 62
คดีที่สองคดีชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก หรือ “Army57” เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 61 ในส่วนของผู้ชุมนุม วันนี้เป็นนัดประชุมคดีและตรวจพยานหลักฐาน ด้านโจทก์ส่งเอกสารหลักฐานยังไม่ครบและขอส่งในขั้นตอนของการสืบพยานแทน ทางด้านทนายความฝ่ายจำเลยแถลงคัดค้าน ถึงที่สุดศาลจึงให้รอฟังคำวินิจฉัยพร้อมกับคำพิพากษา และนัดสืบพยานโจทก์และจำเลย ฝั่งละ 8 นัด โดยระบุ 2 นัดแรกคือวันที่ 3 และ 30 พ.ค. ก่อน ส่วนวันอื่นจะกำหนดวันนัดสืบพยานเพิ่มเติมในภายหลัง
ยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณายุติคดี “RDN50”
9.30 น. ผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์พิจารณาคดีที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กลุ่มผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้งจำนวนทั้งสิ้น 42 คน และศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของนฤมล วรุณรุ่งโรจน์ หนึ่งในผู้ชุมนุมซึ่งเสียชีวิตระหว่างการถูกดำเนินคดี (อ่านเรื่องราวการของนฤมลที่:ลมหายใจที่ไม่แพ้: ทศวรรษแห่งการต่อสู้ของพี่จ๋า กองหน้าเสื้อแดง)
สำหรับการชุมนุม “RDN50” นี้เป็นการเรียกร้องการเลือกตั้งในวันที่ 10 ก.พ. 62 บริเวณข้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ท่ามกลางการชุมนุมต่อเนื่องของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งตลอดต้นปี 2561
เช่นเดียวกับอีกหลายคดีในชุดคดีคนอยากเลือกตั้ง คดี “RDN50” ที่มีผู้ถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก ศาลจึงได้มีคำสั่งอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีลับหลัง ทำให้จำเลยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาศาลจนกว่าจะมีคำสั่งให้ฟังคำพิพากษา ซึ่งวันนี้มีจำเลยเพียง 2 รายที่มาศาลคือ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้ขอเลื่อนสอบคำให้การมาในวันนี้แทน และพรนิภา งามบาง หญิงสูงวัยที่ถูกดำเนินคดีในชุดคดีคนอยากเลือกตั้งกว่า 4 คดีได้เดินทางมาฟังกระบวนการพิจารณาคดีเช่นกัน (อ่านเรื่องราวของพรนิภาที่: ‘ป้าพร คนอยากเลือกตั้ง’: เพียง 2 ครั้งที่ฉันสู้ คือตอนนี้และตลอดไป)
ศาลได้แจ้งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งจำหน่ายคดีเรื่องที่ศาลแขวงดุสิตได้ส่งคำร้องของทนายความจำเลย 4 คน ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560
วันนี้ทนายความจำเลยอีก 13 คน ได้ยื่นให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายเนื่องจากขณะนี้ได้มีคำสั่งของหัวหน้า คสช.ที่ 22/2561 ซึ่งให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12โดยกรณีนี้โจทก์แถลงว่าเป็นจริงตามที่ทนายจำเลยได้แถลงไป ศาลจึงให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลย และให้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 3 พ.ค. 62 เวลา 9.00 น.
ตรวจพยานหลักฐานคดี Army57 โจทก์ยื่นเอกสารยังไม่ครบ แต่นัดสืบพยานแล้ว
10.00 น. ส่วนคดีชุมนุมของคนอยากเลือกตั้งบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 61 หรือ “Army57” ศาลได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของนฤมล วรุณรุ่งโรจน์ หนึ่งในผู้ชุมนุมซึ่งเสียชีวิตระหว่างการถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับคดี RDN50 ที่นฤมลเป็นจำเลยและยังได้สอบคำให้การเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล 1 ในจำเลยคดีนี้เพิ่มเติม หลังจากที่เนติวิทย์ได้เลื่อนสอบคำให้การมาก่อนหน้านี้ โดยจำเลยได้แถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาและต่อสู้คดี ทั้งนี้โจทก์ยังได้ขอแก้ไขคำฟ้องในส่วนของอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ จำเลยที่ 46 ของคดีนี้ด้วย ทำให้คดีนี้เหลือจำเลยทั้งสิ้น 46 ราย
สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบพยานและหลักฐานโจทก์แถลงว่าประสงค์สืบพยานบุคคล 43 ปาก ในส่วนของพยานเอกสาร ซึ่งเป็นบันทึกการสอบสวน ถ้อยความจากการถอดเทปคำปราศรัยโจทก์ยังนำส่งให้ทนายความฝ่ายจำเลยไม่ครบถ้วน เนื่องจากว่าการสอบสวนหาข่าวเป็นความลับทางราชการ โดยขอส่งเอกสารดังกล่าวระหว่างการสืบพยาน
ทางด้านทนายความจำเลย ได้แถลงคัดค้านเนื่องจากเอกสารที่โจทก์อ้างถึงว่าเป็นความลับทางราชการนั้น เป็นพยานหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ว่าจำเลยกระทำความผิดจริงหรือไม่ จึงไม่เป็นความลับ และการที่โจทก์อ้างส่งเอกสารในวันสืบพยาน จะทำให้เอกสารที่มีเป็นจำนวนมากย่อมทำให้ฝ่ายจำเลย ตรวจสอบเอกสารไม่ทัน เช่น เอกสารถอดเทปคำปราศรัย ซึ่งอาจจะไม่ตรงกัน จึงขอให้โจทก์ส่งเอกสารดังกล่าวให้้ฝ่ายจำเลยได้ตรวจสอบก่อนขึ้นสืบพยาน ในประเด็นนี้ศาลให้รอวินิจฉัยพร้อมกับคำพิพากษา
ต่อมาทนายความจำเลยได้แถลงบัญชีพยานและหลักฐาน โดยระบุใช้พยานจำนวน 59 ปาก ใช้เวลาในการสืบพยาน 8 นัดเช่นเดียวกับฝ่ายโจทก์ ทำให้ศาลนัดสืบพยานโจทก์รวมทั้งหมด 16 นัด โดยสามารถนัดสืบพยานโจทก์ได้เพียง 2 นัด คือวันที่ 3 และ 30 พ.ค. 62 ส่วนวันที่เหลือคู่ความมีวันนัดไม่ตรงกัน จึงให้กำหนดวันนัดสืบพยานเพิ่มในภายหลัง