ศิลปินวัย 42 ถูกจับกุมที่แกลลอรี่ในภูเก็ต ขณะกักตัวเองวันที่แปดหลังกลับจากสเปน หลังการท่าฯ แจ้งความนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ จากเหตุโพสต์ไม่พบ จนท.คัดกรองโควิดที่สุวรรณภูมิ เตรียมส่งฝากขังวันนี้
23 มีนาคม 2563 เวลาประมาณ 16.00 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งจาก ดนัย อุศมา ศิลปินวัย 42 ปี ว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมจากแกลลอรี่ในจังหวัดภูเก็ต ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 400/2563 ลงวันที่ 23 มี.ค. 2563 ในข้อหา “นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” หลังถูกจับกุม ตำรวจได้นำตัวเขาไปทำบันทึกการจับกุมที่ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ก่อนควบคุมตัวขึ้นเครื่องบินจากภูเก็ตในเวลาประมาณ 17.00 น. เพื่อนำตัวมาที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)
ดนัย เป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชีชื่อ “Zen Wide” ซึ่งโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2563 ว่า ได้เดินทางกลับจากกรุงบาร์เซโลน่า ประเทศสเปนเข้าประเทศไทยโดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ต.ม.) สนามบินสุวรรณภูมิ เช่นเดียวกับผู้โดยสารคนอื่นอีก 500-600 คน ในเที่ยวบินลำเดียวกันและที่มากับสายการบินอื่นอีก 2-3 ลำ
ภาพจาก คมชัดลึก
ต่อมา นายกิตติพงษ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสายปฏิบัติการ ออกมาแถลงข่าวโต้ว่า ผู้โดยสารทุกคนได้ผ่านจุดตรวจ หรือจุดคัดกรองที่มีเครื่องเทอร์โมสแกนของเจ้าหน้าที่ ตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ที่ผ่านไปได้เพราะตัวผู้โดยสารเองไม่มีไข้ รวมทั้งประเทศต้นทางที่เดินทางมา (ประเทศสเปน) ไม่ใช่ประเทศกลุ่มเสี่ยง 4 + 2 ตามที่ออกประกาศไว้ จึงไม่จำเป็นต้องซักถามข้อมูลหรือตรวจเพิ่มเติม พร้อมกับระบุว่าการโพสต์ดังกล่าว สร้างความเสียหายให้ส่วนราชการหลายภาคส่วนมาก อาจจะมีการดำเนินคดี หรือร่วมกันดำเนินคดีในส่วนที่มีความเสียหาย ฐานโพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จลงสู่คอมพิวเตอร์ และสร้างเฟกนิวส์ (Fake News) ทำให้สังคมตื่นตระหนก
หลังเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 18.30 น. ดนัยถูกนำตัวไปที่กองบังคับการปราบปราม พร้อมกับถูกยึดโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด จากนั้นจึงถูกนำตัวไปที่ บก.ปอท. เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (2)
คดีนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มอบหมายให้ผู้รับมอบอำนาจเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อดนัย กล่าวหาว่า สิ่งที่ดนัยโพสต์นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก เสียความเชื่อมั่นต่อสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากประชาชนจะเข้าใจผิดว่าทางสนามบินฯ ปล่อยปละละเลย เพิกเฉย ไม่มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่มาจากต่างประเทศ เพื่อคัดกรองเชื้อไวรัส โควิด-19 ตามมาตรฐานสากล เป็นเหตุให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย ได้รับความเสียหาย
ในการสอบปากคำ โดยมีทนายความและญาติเข้าร่วมรับฟัง ดนัยได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เขายืนยันว่าสิ่งที่โพสต์เป็นเรื่องจริงทุกประการ ส่วนรูปสนามบินที่เขาโพสต์ประกอบข้อความนั้น ได้ค้นหาจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบเรื่องเล่าถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยภาพดังกล่าวมิได้เป็นภาพที่สามารถสื่อได้ว่าสนามบินมีหรือไม่มีจุดคัดกรองแต่อย่างใด เพราะเป็นภาพภายนอกบริเวณผู้โดยสารขาเข้า ไม่ใช่บริเวณที่ตนกล่าวถึงในเนื้อหาโพสต์
ดนัยยังให้การเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่โพสต์ข้อความดังกล่าวว่า การบอกเล่าถึงความกังวลต่อเพื่อนในเฟซบุ๊ก เนื่องจากไม่ได้มีเพียงแค่เขาที่กลับมา แต่ยังมีคนอีกมากในเครื่องบินลำนั้นมาจากประเทศที่เสี่ยง เขาจึงอยากให้ประเทศไทยมีการคัดกรองที่เข้มข้นมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดมากไปกว่าที่เป็นอยู่
ทั้งนี้ ดนัยแจ้งความประสงค์ต่อพนักงานสอบสวนไว้ด้วยว่า ต้องการให้พนักงานสอบสวนขอภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดของสนามบินสุวรรณภูมิที่มีภาพของเขาในช่วงเวลาที่เป็นปัญหา เพื่อมาประกอบคำให้การของเขาในชั้นสอบสวนนี้
การแจ้งข้อหาและสอบปากคำเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 0.30 น. ของวันที่ 24 มี.ค. 63 จากนั้น ดนัยถูกนำตัวไปคุมขังไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ร่วมกับผู้ต้องขังในคดีอื่นๆ ซึ่งถูกขังที่สน.อยู่ก่อนแล้ว อีก 5 ราย โดยพนักงานสอบสวน ปอท.เตรียมนำตัวเขาไปขออำนาจศาลอาญา ถนนรัชดา ในการฝากขัง ในเวลา 11.00 น.
ดนัย เป็นศิลปินอิสระ มีผลงานศิลปะร่วมสมัย ทั้ง painting และ installation โดยมักเดินทางไปโชว์ภาพในพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ รวมถึงการวางจำหน่ายงานศิลปะในสตูดิโอหลายประเทศ เขาเปิดเผยว่า ในวั
ดนัยให้ข้อมูลด้วยว่า ขณะตำรวจเข้าจับกุมนั้น เขากักตัวเองอยู่ที่ชั้น 3 ของแกลเลอรี่ ส่วนภรรยากำลังลงมาเปิดร้านตอนเกือบๆเที่ยง และเจอเข้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีนี้จึงเป็นที่น่าสงสัยว่า ในขณะที่ประเทศอยู่ในช่วงที่เฝ้าระวัง โรคโควิด-19 กรมควบคุมโรคติดต่อก็ได้ออกมาตรการให้ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง ซึ่งสเปนเป็นหนึ่งในนั้น จะต้องถูกคุมไว้สังเกตอาการภายในที่พักอาศัย 14 วัน (กรณีดนัยคือวันที่ 16-29 มี.ค. 63) แต่ตำรวจกลับเลือกใช้วิธีการออกขอให้ศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมดนัยมาดำเนินคดีในทันที ทั้งที่กรณีนี้สามารถออกเป็นหมายเรียกและกำหนดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายหลังช่วงเวลากักตัวได้ (ดูกรณีที่มีการออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อหา) ทั้งยังจะส่งตัวดนัยไปขออำนาจศาลอาญาฝากขัง ซึ่งไม่ว่าเขาจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ กระบวนการที่เขาจะต้องถูกนำไปขังรวมกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ ทั้งที่ สน.ทุ่งสองห้อง และที่ห้องขังใต้ถุนศาลอาญา หากดนัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาจากสเปนก็อาจทำให้แพร่เชื้อโรคไปยังผู้ต้องขังคนอื่นๆ และนำไปสู่การแพร่ระบาดในเรือนจำเป็นวงกว้างได้