14 พ.ย. 61 ศาลมณฑลทหารบกที่ 37 จังหวัดเชียงราย นัดสืบพยานโจทก์ในคดีของนายสราวุทธิ์ (สงวนนามสกุล) ช่างตัดแว่นตาในจังหวัดเชียงราย ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากกรณีการโพสต์เฟซบุ๊กรูปภาพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2559
ในนัดนี้เป็นการถามค้านพยานโจทก์ปากที่ 5 คือ พ.ต.อ.พรเทพ ธนาบูรณศักดิ์ ขณะเกิดเหตุในคดีนี้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้กำกับการสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะพนักงานสอบสวนในคดี หลังจากในนัดก่อนหน้านี้ อัยการทหารฝ่ายโจทก์ได้ถามพยานแล้วเสร็จ และได้มีการเลื่อนการถามค้านพยานออกมาในนัดนี้
โดยสรุปในการตอบคำถามค้าน พ.ต.อ.พรเทพ เบิกความถึงการได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวนร่วมในคดีนี้ และได้เข้าร่วมการสอบสวนภายหลังมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว โดยพ.ท.อิสสระ เมาะราษี เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายข่าวของมณฑลทหารบกที่ 37 เป็นผู้นำเอกสารที่ใช้กล่าวหาจำเลยมามอบให้กับพนักงานสอบสวนก่อน และพยานได้ดูในภายหลัง
พ.ต.อ.พรเทพ ระบุว่าพ.ท.อิสสระได้ให้การไว้กับพนักงานสอบสวนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวได้เป็นผู้พบโพสต์ดังกล่าว แต่พยานปากดังกล่าว ไม่เคยมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด
ในส่วนการตรวจสอบของกลาง 3 รายการ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และฮาร์ดดิสก์ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดจากบ้านของจำเลย พ.ต.ท.พรเทพเบิกความว่าได้มีการส่งไปตรวจสอบที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แต่ผลการตรวจสอบ ไม่ได้พบภาพและข้อความตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด รวมทั้งยังมีการทำหนังสือขอให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตรวจสอบบัญชีเฟซบุ๊กผู้ใช้ที่มีการโพสต์ข้อความตามข้อกล่าวหา ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่ามีการลงทะเบียนใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวอยู่ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผู้ลงทะเบียนเข้าใช้ เพราะบริษัทที่ดูแลเฟซบุ๊กนั้นตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ในส่วนที่อัยการทหารถามติง พ.ต.อ.พรเทพระบุว่าของกลางที่มีการส่งไปตรวจสอบกับปอท. เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ต้องมีการตรวจสอบหาพยานหลักฐานจากเครื่องมือสื่อสารต่างๆ แต่จะเป็นเครื่องเดียวกันกับที่ใช้กระทำความผิดหรือไม่ ไม่สามารถยืนยันได้ อาจจะใช่ หรือไม่ใช่ก็ได้
ในส่วนเหตุผลที่ไม่ได้มีการเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาของพ.ท.อิสสระ เมาะราษี มาสอบปากคำ เหตุเพราะพ.ท.อิสระได้ให้ข้อมูลว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของทหาร ซึ่งต้องปกปิดตัวตน จึงไม่สามารถนำมาให้ปากคำได้
หลังเสร็จสิ้นการสืบพยานปากนี้ คู่ความตกลงวันนัดสืบพยานปากต่อไปในวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เวลา 8.30 น. โดยยังเหลือพยานฝ่ายโจทก์อีกจำนวน 5 ปาก
สำหรับ นายสราวุทธิ์ ปัจจุบันอายุ 33 ปี เปิดกิจการรับตัดแว่นและขายแว่นสายตาในจังหวัดเชียงราย เขาและภรรยามีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 6 ปี และคนเล็กอายุ 2 ปี สราวุทธิ์เคยเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงในช่วงปี 2553 แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองภายใต้สังกัดกลุ่มใด โดยมากเป็นการแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ โดยหลังการรัฐประหาร สราวุทธิ์ถูกเรียกตัวเข้าพูดคุยในค่ายทหารและถูกเจ้าหน้าที่เดินทางไปพบที่บ้านมากกว่า 10 ครั้ง
หลังจากถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีนี้ นายสราวุทธิ์ไม่ได้รับการประกันตัวในช่วงแรก หลังจากญาติยื่นขอประกันตัวจำนวน 3 ครั้ง จนกระทั่งได้รับการประกันตัวในการยื่นครั้งที่ 4 ด้วยหลักทรัพย์ 1 แสนบาท หลังจากถูกคุมขังในเรือนจำรวม 38 วัน ก่อนที่จะถูกส่งฟ้องต่อศาลทหารเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2559
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
คดี ม.112 “ช่างตัดแว่นตาเชียงราย” ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขอต่อสู้คดีถึงที่สุด
สืบพยานทหารผู้แจ้งความคดี ม.112 ของ ‘ช่างตัดแว่นเชียงราย’ เสร็จสิ้น หลังค้างมากว่า 3 เดือน
อาจารย์ราชภัฏเชียงราย-แม่ฟ้าหลวง เข้าเบิกความฐานะพยานโจทก์คดี ม.112 ของ ‘ช่างตัดแว่นเชียงราย’
พนง.สส.เบิกความคดี ม.112 “ช่างตัดแว่นเชียงราย” ส่งตรวจคอมฯ-มือถือ ไม่พบภาพตามข้อกล่าวหา
ทนายจำเลยถามค้าน พนง.สส. ไม่เคยสอบผู้บันทึกภาพ และไม่พบ URL ในภาพที่กล่าวหา