เปิดคำเบิกความพยานคดี ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ ฟ้องประชาชนจากโคราช ดูหมิ่นกรณีคอมเมนต์ใต้โพสต์เพจ สส.รักชนก ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ 

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2568 ศาลแขวงชลบุรีนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีของ ธนพัทธ์ ทองคำ ประชาชนจากจังหวัดนครราชสีมาวัย 30 ปี ที่ถูกกล่าวหาในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา กรณีคอมเมนต์ใต้คลิปขณะอภิปรายไม่ไว้วางใจ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในเพจของ สส.รักชนก ศรีนอก เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2568

ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง สุชาติไม่ได้เดินทางมาเบิกความด้วยตนเอง แต่มีทนายความของสุชาติ พร้อมด้วยผู้รับมอบอำนาจมาศาลเพื่อเบิกความเพิ่มเติมจากคำฟ้อง ส่วนฝ่ายจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล แต่ได้ตั้งทนายความเพื่อซักค้าน หลังการไต่สวนศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีหรือไม่ ในวันที่ 30 มิ.ย. 2568

.

ที่มาที่ไปของคดีนี้ เมื่อวันที่ 24-25 มี.ค. 2568 ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ในสภาผู้แทนราษฎร โดยเฟซบุ๊กเพจ สส.รักชนก ศรีนอก จากพรรคประชาชน ได้แชร์คลิปของไทยรัฐออนไลน์ขณะที่ สุชาติ ชมกลิ่น ตอบคำถามในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมเขียนข้อความวิพากษ์วิจารณ์ และมีผู้คนมาคอมเมนต์แสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก 

สุชาติ ได้ให้ทนายส่วนตัวยื่นฟ้องคดีแก่ผู้ที่มาแสดงความเห็นหลายราย แต่เนื่องจากเป็นคดีส่วนตัว ในหลายคดีเมื่อจำเลยทำการขอโทษสุชาติ ก็ทำการถอนฟ้องคดีออกไป

สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2568 สุชาติได้ดำเนินคดีกับธนพัทธ์ในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 เรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 3 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี และให้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

ในคำฟ้อง กล่าวหาว่าคอมเมนต์ข้อความของจำเลยเป็นการดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท ซึ่งมีความหมายในทำนองด้อยค่าทำให้โจทก์อับอาย เป็นที่เกลียดชัง มีเจตนาที่จะดูหมิ่นโจทก์โดยการโฆษณา ในสังคมออนไลน์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายถูกเหยียดหยาม อับอาย สบประมาท ทำให้ถูกเกลียดชัง ทำลายความน่าเชื่อถือของโจทก์

จำเลยทราบดี ว่าโจทก์เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ/หรือทำงานในคณะรัฐบาลและ/หรือร่วมบริหารประเทศทั้งในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคณะทำงานในรัฐสภาในตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ โจทก์ดำรงตำแหน่งสำคัญในระดับประเทศมานานมากกว่า 20 ปี เป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือในประเทศไทย ชื่อเสียงของโจทก์มีผลต่อตำแหน่งและอาชีพของโจทก์ที่ต้องเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนที่เลือกโจทก์เข้ามาเป็นผู้แทนของประชาชนต่อไป

ต่อมา ศาลได้กำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องเป็นวันที่ 23 มิ.ย. 2568 เวลา 09.00 น. โดยทนายโจทก์ได้นำพยานเข้าเบิกความ 1 ปาก คือว่าที่ร้อยตรี สถาพร วงษ์นาคสกุล ผู้รับมอบอำนาจ ส่วนฝั่งจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล แต่ได้ตั้งทนายความเพื่อซักค้านพยานโจทก์

.

วันที่ 23 มิ.ย. 2568 เวลา 9.00 น. ที่ห้องพิจารณาที่ 7 ทนายโจทก์พร้อมผู้รับมอบอำนาจ และทนายจำเลยมานั่งรอห้องพิจารณาเปิดตั้งแต่ก่อนเวลานัด ในเวลา 9.15 น. เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ได้เปิดประตูห้องพิจารณา ให้เฉพาะทนายความเข้าไปเนื่องจากห้องพิจารณามีขนาดเล็ก

เวลา 9.47 น. ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาและจัดการคดีอื่น ๆ ก่อนทนายความจะเรียกให้พยานและผู้สังเกตการณ์เข้าห้องพิจารณาคดีอีกครั้งเพื่อพิจารณาคดี

ทนายจำเลยถามค้านว่า ตามคำเบิกความของพยาน เบิกความว่าเห็นคอมเมนต์ใต้โพสต์เฟซบุ๊กของรักชนก ศรีนอก ด้วยตัวเองใช่หรือไม่ พยานตอบว่าใช่ ทนายจำเลยถามต่อว่าโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์มาจากเพจสำนักข่าวไทยรัฐตามที่ทนายจำเลยให้ดูใช่หรือไม่ พยานดูและตอบว่าใช่ และเบิกอีกครั้งว่าไม่ใช่ จำไม่ได้

ศาลบันทึกว่าพยานจำไม่ได้ ทนายจึงขอให้บันทึกว่าพยานตอบว่าใช่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นว่าไม่ใช่ จำไม่ได้ ศาลให้ทนายจำเลยถามคำถามใหม่

ทนายจำเลยถามว่าโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์มาจากเพจสำนักข่าวไทยรัฐใช่หรือไม่ พยานตอบว่า เห็นเพียงแต่โพสต์ของรักชนก ศรีนอก ทนายจำเลยถามว่า พยานได้ตรวจสอบเพจสำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์หรือไม่ พยานตอบว่าไม่

ทนายจำเลยถามว่าโพสต์ของรักชนกเป็นโพสต์วิดีโอที่โจทก์คือ สุชาติ ชมกลิ่น กำลังอภิปรายในรัฐสภาใช่หรือไม่ พยานตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยจึงขอเปิดคลิปให้พยานดู ศาลกล่าวว่าจะอ้างส่งอะไรต้องให้พยานโจทก์รับรองจึงจะอ้างส่งได้ ทนายจำเลยแถลงว่าขอใช้สิทธิในการระบุอ้าง ศาลตอบว่าอนุญาตให้เปิดคลิปได้ แต่ต้องเปิดด้วยตนเอง ทนายจำเลยเปิดคลิป และพยานดูแล้วตอบว่าจำไม่ได้ว่าคลิปอะไร พูดเรื่องอะไร

ทนายจำเลยถามว่าพยานเห็นว่ามีบัญชีของจำเลยตามที่ฟ้องไปแสดงความเห็นที่อื่นอีกหรือไม่ พยานตอบว่าไม่ทราบ ศาลไม่บันทึกคำถาม-คำตอบนี้ เนื่องจากไม่ชัดเจน

ทนายจำเลยถามว่าบนเฟซบุ๊กพยานเห็นบัญชีของจำเลยตามที่ฟ้องไปแสดงความเห็นที่อื่นอีกหรือไม่ พยานตอบว่าไม่มี ทนายจำเลยถามว่าโพสต์ดังกล่าวจำเลยเป็นผู้โพสต์หรือไม่ พยานตอบว่าไม่ใช่ ทนายจำเลยถามว่านอกจากนี้มีผู้อื่นแสดงความเห็นในโพสต์ด้วยใช่หรือไม่ พยานตอบว่าใช่ มีหลายคนและพยานเลือกฟ้อง

ทนายจำเลยถามว่าได้ตรวจสอบดูหรือไม่ว่า สส.รักชนก นำข้อมูลจากที่ใด พยานตอบว่าจำไม่ได้พยานดูแต่โพสต์ของรักชนก

ทนายจำเลยให้พยานดูเอกสารเป็นรูปภาพบันทึกหน้าจอเฟซบุ๊ก ทนายจำเลยถามว่าพยานไม่ได้ใส่ลิงค์ URL มาใช่หรือไม่ พยานตอบว่าใช่ แต่เอกสารทนายของโจทก์เป็นผู้ทำ พยานทำการตรวจสอบแล้ว พยานไม่ทราบว่าจะมี URL หรือไม่

ทนายจำเลยถามว่า การไม่ระบุ URL คนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ใช่หรือไม่ พยานตอบว่าใช่ ทนายจำเลยถามว่า รูปภาพที่บันทึกมาจะมีจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบเพราะไม่มี URL ให้ตรวจสอบใช่หรือไม่ พยานตอบว่า ทราบว่ามีจริง ทนายจำเลยจึงถามว่าแต่ไม่สามารถกลับไปตรวจสอบได้ใช่หรือไม่ พยานตอบว่าใช่

พยานตอบทนายจำเลยว่าเห็นคอมเมนต์แสดงความเห็นของจำเลย แต่พยานไม่ได้เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับจำเลย ผู้บันทึกภาพและจัดทำเอกสารคือทนายความของโจทก์ พยานไม่ได้ย้อนกลับไปตรวจสอบว่าปัจจุบันยังมีคอมเมนต์ความเห็นอยู่หรือไม่ ไม่ทราบว่าทนายความโจทก์จะเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับจำเลยหรือไม่ เฟซบุ๊กของจำเลยเปิดเป็นสาธารณะคนทั่วไปเข้าไปบันทึกภาพได้

ทนายจำเลยถามว่าเฟซบุ๊กนั้นอาจจะเป็นการแอบอ้าง เป็นคนอื่นหรือไม่ พยานยืนยันได้หรือไม่ พยานตอบว่าอาจจะ

พยานเบิกความตอบทนายจำเลยว่าไม่ทราบว่าคดีอาญา ตำรวจจะตรวจสอบอะไรบ้าง แต่พยานตรวจสอบด้วยการกดเข้าไปดูโปรไฟล์ แต่ไม่ได้ทำหนังสือสอบทางไปทางผู้ให้บริการเฟซบุ๊ก ไม่ได้ติดต่อกับหน่วยงานราชการเพื่อตรวจสอบ

ในช่วงก่อนที่ทนายโจทก์จะถามติง ที่บันทึกเสียงของศาลมีปัญหาจึงพักการพิจารณาไปพักหนึ่งก่อนเริ่มการถามติง

ทนายโจทก์ถามว่าก่อนฟ้องพยานได้ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดว่าถูกต้องแล้วใช่หรือไม่ พยานตอบว่าใช่  ทนายโจทก์ถามว่าโปรไฟล์เฟซบุ๊กของจำเลย เมื่อตรวจมีกี่คน พยานตอบว่ามีคนเดียว พยานตรวจโดยใช้เฟซบุ๊กตนเองกดค้นหาและพิมพ์ชื่อบัญชีไป  โดยมีภาพบัตรประจำตัวการแข่งขันกีฬามีชื่อจำเลยตรงกับชื่อบัญชีเฟซบุ๊กและบัญชีจำเลยเปิดเป็นสาธารณะคนทั่วไปเข้าถึงได้

ทนายโจทก์ถามว่าตามเอกสารภาพถ่ายหน้าจอทั้งหมดกับทะเบียนราษฎร์ ตรงกันใช่หรือไม่ พยานตอบว่าใช่คือจำเลย

พยานเบิกความว่าขณะเกิดเหตุวันที่ 1 เม.ย. 2568 พยานดูคอมเมนต์ของจำเลยพร้อมกับโจทก์ สุชาติ ชมกลิ่น ที่จังหวัดชลบุรี

หลังไต่สวนเสร็จสิ้นศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาและกำหนดนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องเป็นคดีหรือไม่ ในวันที่ 30 มิ.ย. 2568

.

คดีนี้มีข้อสังเกตว่าการใช้สิทธิฟ้องคดีของ สุชาติ ชมกลิ่น นั้น เป็นการฟ้องปิดปาก (SLAPP) หรือไม่ เนื่องจากเหตุแห่งคดี เกิดจากคลิปอภิปรายไม่ไว้วางใจทำให้ประชาชนหลายคนออกมาแสดงความเห็นถึงนักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะที่ประชาชนมีสิทธิจะวิพากษ์วิจารณ์ได้

X