วันที่ 10 มี.ค. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม “ขนุน” สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 ทราบจากขนุนว่า อัตราการเต้นของหัวใจต่ำ มีอาการชาง่ายขึ้น และกล้ามเนื้อกระตุกบ่อยครั้ง หลังอดอาหารประท้วงเป็นวันที่ 18 แล้ว จากการถูกปฏิเสธสิทธิประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ โดยงดรับประทานอาหารและนมตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. 2568 และถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. 2568
.
วันนี้ทนายได้เข้าเยี่ยมพร้อมกับ “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ขนุนได้อ่านกลอนให้ตะวันฟัง เขาบอกว่า เขานั่งเขียนกลอนให้ตะวันเมื่อคืน ก่อนเล่าถึงผลตรวจร่างกายเช้าวันนี้ว่า ค่าโพแทสเซียมขึ้นมาเป็น 3.6 (ตามเกณฑ์คือ 3.5 – 5) หลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 มี.ค.) เขากินเกลือแร่ไปหนึ่งซอง แต่อัตราการเต้นของหัวใจต่ำลงทุกวัน วันนี้อัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ประมาณ 62 ครั้งต่อนาที (ตามเกณฑ์คือ 60 – 100) และเกิดอาการชาง่ายมาก แค่ยกมือขึ้นมาเท้าโต๊ะหรือเอามือขึ้นมาวางบนอกตอนนอนแป๊บเดียวก็จะรู้สึกชาแล้ว ต้องเอามือวางราบกับพื้นถึงจะนอนได้ นอกจากอาการชา มีอาการปวดกระเพาะและท้องร้องทั้งวัน รู้สึกว่ากล้ามเนื้อกระตุกอยู่บ่อยครั้ง
ทานตะวันกำชับกับขนุนว่า ให้สังเกตอาการชาให้ดีว่าถี่แค่ไหน เพราะมันเกี่ยวกับค่าเกลือแร่ในร่างกาย และต้องระวังว่าจะเกี่ยวเนื่องกับอาการอื่นด้วย
ขนุนเล่าต่อว่า เขากำลังคิดว่าจะไม่รับวิตามินและสารอาหารแล้ว แต่ก็ขอเวลาคิดเพิ่มและจะตัดสินใจอีกทีวันพรุ่งนี้ ตอนนี้น้ำหนักเหลือ 65 กิโลกรัมแล้ว โดยวันนี้เขาลดปริมาณน้ำหวานลง จากสองขวดเหลือขวดเดียวและยังไม่ได้รับวิตามินอื่นเพิ่ม ทานตะวันบอกกับขนุนว่า ถ้าจะไม่รับยาบำรุง อย่างน้อยทานยาเคลือบกระเพาะก็ยังดี รักษากระเพาะไว้หน่อย
ก่อนทนายและตะวันจะกลับ เขาเล่าว่า เมื่อคืนมีคุณลุงเตียงใกล้กันอาละวาด ถอดสายน้ำเกลือจนเลือดไหล แล้วลุงคนนั้นก็สะบัดไปสะบัดมาจนเลือดท่วมตัว ผู้ช่วยกับพยาบาลต้องมาเช็ดเลือดให้แล้วผูกลุงเขาไว้กับเตียง หลังจากนั้นลุงคนนั้นก็เรียกขนุนให้ช่วยไม่หยุด พูดเซ้าซี้ว่า “ไอ้หนุ่มไม่สนใจกันหน่อยหรอ” “ลุงจะไม่ไหวแล้วช่วยลุงหน่อย” สุดท้ายผู้ช่วยต้องมาเข็นเตียงลุงย้ายไปห้องอื่น
สุดท้าย ขนุนฝากกลอน “ทวงคืนสิทธิประกัน!!” ออกมา
สิบแปดวันที่แสนสุดทรมาน
จากอาการของราคาที่ต้องแลก
เพียงเพื่อสิทธิประกันสุดผันแปร
ทั้งที่แค่เป็นสิทธิพื้นฐานป่ะ ?
ทั่วช่องท้องเผาไหม้เช่นอเวจี
เรี่ยวแรงที่หดหายเกินจะฝัน
หนังที่เริ่มห่อหุ้มกระดูกนั้น
เพียงเพื่อมั่นบนหลักการผมยอมเสี่ยง
ท้องที่ร้องไม่ใช่เสียงความหิวโหย
คือเสียงโวยที่ก้องด่าหลักการเบี้ยว
มันต้องการเพียงกลับบ้านเพื่อไปเรียน
แต่ถูกเขียนขีดทิ้งไร้หลักธรรม
ผมหวังแค่ได้สิทธิอิสรภาพ
ตามหลักการกฎหมายไทยเสมอกัน
ไม่ถูกพรากชีวาทัณฑ์กักขัง
เพื่อได้กลับคืนอ้อมกอดของครอบครัว
สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ
ผู้ต้องขังทางการเมือง
ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์
10 มี.ค. 2568