วันนี้ (8 พ.ค. 2561) อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ หรือ “หนุ่ย” ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นคำให้การเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนสน.ชนะสงคราม ในคดีฝ่าฝืนคำสั่งพนักงานสอบสวน จากเหตุที่เขาไม่เดินทางไปศาลแขวงดุสิตตามคำสั่งพนักงานสอบสวนที่จะขออำนาจศาลฝากขังอภิสิทธิ์ในคดีชุมนุมคนอยากเลือกตั้งหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.)
อภิสิทธิ์ให้การเพิ่มเติมว่าจากเหตุเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2561 ตนเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีชุมนุมคนอยากเลือกตั้งที่หน้า บก.ทบ. หลังรับทราบข้อกล่าวหาและได้ให้การปฏิเสธในคดีนั้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้สั่งให้เขาเดินทางไปศาลแขวงดุสิตเพื่อขออำนาจศาลฝากขังโดยอาศัยอำนาจตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 71 ทั้งนี้เขาโต้แย้งว่าเขาได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเองไม่ได้ถูกจับกุมและได้ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี การจะฝากขังเขาเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีเหตุผลเพียงพอ ซึ่งการพิจารณานำ ป.วิ.อาญา มาตรา 71 มาขอศาลให้ขังผู้ต้องหานั้น ในมาตราดังกล่าวได้ให้พนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจว่าจะสั่งให้ผู้ต้องหาเดินทางศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาขังหรือไม่ด้วย
มาตรา 71 ได้กำหนดให้นำมาตรา 66 ให้มาบังคับใช้โดยอนุโลม โดยในมาตรา 66 ระบุเหตุที่พนักงานสอบสวนจะให้ศาลขังผู้ต้องขังหากมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น แต่คดีนี้พนักงานสอบสวนไม่ได้ระบุเหตุผลที่จะขอให้ศาลสั่งขังอภิสิทธิ์ ซึ่งเขาเห็นว่าการระบุตามมาตรา 71 ของพนักงานสอบสวนเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ โดยไม่มีข้อเท็จจริงเหตุผลอันสมควร
อีกทั้งตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 134 ได้ระบุว่าหากผู้ต้องหาฝ่าฝืนคำสั่งพนักงานสอบสวนให้พนักงานสอบสวนดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาได้ทันที การกระทำของอภิสิทธิ์ที่เป็นการอารยะขัดขืนคำสั่งพนักงานสอบสวนจึงไม่เป็นความผิดตามข้อกล่าวหาในคดีนี้