แม้ศาลจังหวัดนนทบุรีจะพิพากษาลงโทษจำคุกสูงถึง 6 ปี 36 เดือน แต่ก็เห็นว่าจากการสืบเสาะพฤติการณ์ต่าง ๆ การคุมขังจำเลยไว้ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวจำเลยเองและสังคม โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 5 ปี และให้คุมประพฤติจำเลย รวมทั้งให้ทำกิจกรรมบริการสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 48 ชั่วโมง
คดีมาตรา 112 ของ “ภูเขา” ซึ่งเป็นนามสมมติของชายวัย 45 ปี นับเป็นอีกคดีหนึ่งที่ศาลลงโทษจำคุกค่อนข้างสูง จากข้อกล่าวหาหลายกระทง แต่เห็นว่าควรให้รอการลงโทษไว้ ไม่ต้องให้คุมขังจำเลยแต่อย่างใด แตกต่างออกไปจากอีกหลายคดีที่ศาลลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นประชาชนทั่วไปที่ถูกกล่าวหาจากการโพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดีย และมีแนวทางทางคดีคล้ายกับของภูเขา
คดีของภูเขาใช้เวลาดำเนินการยาวนานกว่า 5 ปีเศษ นับตั้งแต่ปี 2562 ที่เขาถูกตำรวจและทหารเข้าจับกุม พร้อมตรวจค้นบ้านพักในจังหวัดนนทบุรี ก่อนควบคุมตัวไปที่ สภ.ปลายบาง โดยไม่มีหมายจับ ในช่วงที่นโยบายรัฐไม่ให้นำมาตรา 112 มาใช้กล่าวหา เขาถูกแจ้งข้อกล่าวหาเดียวตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยภูเขาได้ให้การรับสารภาพไป
ต่อมา ในช่วงปลายปี 2565 พนักงานสอบสวน สภ.ปลายบาง ได้ติดต่อเรียกภูเขาไปแจ้งข้อหาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาถูกกล่าวหาในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพิ่มเข้ามา โดยข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการโพสต์ข้อความจำนวน 6 โพสต์ ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนปี 2562 โดยเขาให้การปฏิเสธในข้อหานี้ แต่ต่อมาในชั้นศาล เขาได้ตัดสินใจให้การรับสารภาพในข้อกล่าวหาทั้งหมด
แม้คดียังต้องรอว่าอัยการจะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือไม่ อันจะทำให้คดีต้องยืดเยื้อออกไปอีก แต่ชวนรับฟังเรื่องราวของอีกหนึ่งผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ทั้งทบทวนการจับกุมและดำเนินคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุค คสช. การถูกแจ้งข้อหา 112 หลังนโยบายรัฐเปลี่ยนแปลงไป และผลกระทบจากคดีที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปรไป
.
จุดเริ่มต้นที่ยังไม่พบปลายทาง นานกว่า 5 ปีที่ภูเขาถูกดำเนินคดี
“ภูเขา” พื้นเพเป็นคนจังหวัดสมุทรปราการ ก่อนจะย้ายมาอยู่ในกรุงเทพฯ กับครอบครัว จนเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และมีครอบครัวเป็นของตนเอง จึงได้ซื้อบ้านทาวน์เฮาส์อาศัยกับภรรยาและลูกอีก 2 คนที่จังหวัดนนทบุรี
เขาเล่าให้ฟังว่าช่วงปี 2553 ในวัย 31 ปี ภูเขาทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยทำหน้าที่เคลื่อนย้ายผู้ป่วย เป็นช่วงที่สถานการณ์การเมืองมีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก คือการชุมนุมของคนเสื้อแดงใจกลางเมืองหลวง พร้อมการใช้กำลังทหารเข้าปราบปราม
“ผมได้ฟังข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์บริเวณแยกคอกวัว ตัวผมเองก็อ่านหนังสือรู้การเมือง แต่ก็รู้แบบงู ๆ ปลา ๆ ไม่ได้เป็นกูรู” โดยปกติเมื่อมีเวลาว่างเขาก็จะนั่งคุยเรื่องการเมืองกับเพื่อนในแผนก เขาไม่เคยไปเข้าร่วมการชุมนุมเลย แต่เป็นคนที่พยายามติดตามข่าวสารการเมืองมากขึ้นหลังเหตุการณ์ชุมนุมใหญ่ในขวบปีนั้น
ในปี 2562 ภูเขาเปลี่ยนอาชีพมาช่วยแม่ขายเนื้อสัตว์แปรรูป ในเวลาที่ว่างยังไม่มีลูกค้า เขาก็จะเปิดยูทูปหาอะไรฟังไปเรื่อย จนได้พบกับช่องสหพันธรัฐไท ซึ่งนำเสนอเนื้อหาทางการเมืองในอีกแง่มุม และเขาได้จำเนื้อหาของช่องดังกล่าวบางส่วนมาโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยไม่ได้ตั้งค่าเป็นสาธารณะแต่อย่างใด หากแต่โพสต์เหล่านั้นกลายเป็นเหตุให้เขาถูกดำเนินคดี โดยไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลได้อย่างไร
“ตอนนั้นเวลาประมาณ ตี 5 เกือบ 6 โมงเช้า ผมออกมาเปิดประตูรั้วเจอตำรวจทหารเต็มหน้าบ้าน ผมก็ถามว่ามาทำอะไร เขาก็ยื่นกระดาษเป็นรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กผม” ภูเขาเล่าย้อนให้ฟังว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2562 ครั้งแรกที่ตำรวจและทหารรวมกว่าสิบนายมาที่บ้านของเขา เป็นช่วงเวลาปกติที่เขาและครอบครัวกำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานและส่งลูก ๆ ไปโรงเรียนเหมือนวันธรรมดาทั่วไป
ภรรยาภูเขาเสริมว่าจริง ๆ แล้วก่อนหน้าวันที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้นมีสายปริศนาโทรมาและเธอเป็นผู้รับสาย ปลายสายถามว่าใช่ภูเขาหรือไม่ ภรรยาเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ เธอจึงวางสายไปและคิดว่าเป็นการโทรแบบสุ่มโทรมา
ในวันนั้นตำรวจไม่ได้แสดงหมายค้นหรือหมายยึด เพียงแต่ถามว่ารูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กที่พิมพ์ลงในกระดาษนั้นใช่ของเขาหรือไม่ ภรรยาของภูเขาได้ทักท้วงขอให้ตำรวจแสดงหมายก่อนที่จะเข้าบ้าน “เขาบอกว่าขอความร่วมมืออยู่เฉย ๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขามีอำนาจไม่ต้องแสดงหมายก็ได้ น่าจะใช้มาตรา 44”
หลังจากที่ค้นบ้าน ทหารได้ยึดโทรศัพท์จำนวน 1 เครื่องซึ่งใช้งานไม่ได้แล้ว และยึดโน๊ตบุ๊คจำนวน 1 เครื่อง ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวภูเขาและครอบครัวไปยังสถานีตำรวจ โดยแยกรถ 1 คัน มีแค่ภูเขาและเจ้าหน้าที่เต็มคันรถ ส่วนภรรยาและลูก 2 คน ซึ่งตอนนั้นลูกคนโตอายุ 12 ปี ส่วนคนเล็กอายุเพียง 3 ขวบถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไปขึ้นรถอีกคัน
เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ ภูเขาเล่าว่าได้ถูกพาไปยังห้องที่มีเจ้าหน้าที่เต็มห้อง เจ้าหน้าที่เอาโทรศัพท์ของภูเขาและภรรยาไปเพื่อดูข้อมูลที่บันทึกไว้ โดยใช้เครื่องสำหรับคัดลอกข้อมูล หลังจากได้โทรศัพท์กลับคืนมา ภรรยาภูเขาพบแอปพลิเคชันบางส่วนที่ผิดแปลกจากปกติ เธอไม่เคยติดตั้งแอปนี้มาก่อนจึงไปค้นข้อมูลทำให้ทราบว่าเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับดูดข้อมูล
นอกจากนี้ ภูเขายังเห็นว่ามีบุคคลสองคนในห้องที่แต่งตัวผิดแปลกจากคนอื่น “มี 2 คนเหมือนแฮกเกอร์ปิดหน้าปิดตา ใส่ไอโม่ง” ภูเขาเล่าว่าบุคคลทั้งสองนั้นเป็นคนจากฝั่งเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่สามารถระบุตัวตนได้นั่งอยู่หลังคอมพิวเตอร์ เขาจึงคิดว่าน่าจะทำหน้าที่ในลักษณะแฮกเกอร์
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวภูเขาไปถ่ายรูปและลงลายมือชื่อในเอกสารบันทึกการจับกุมและบันทึกการตรวจยึดซึ่งในขณะนั้นไม่มีทนายความอยู่ด้วย มีแต่เจ้าหน้าที่ที่จับกุม ข้อหาที่ภูเขาได้รับแจ้งคือตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อถามถึงความรู้สึกและการตัดสินใจของภูเขา ภูเขาตอบว่า “ก็เฟซบุ๊กผมจริง ผมโพสต์จริง ผมก็ยอมรับ แต่เฟซผมตั้งค่าแค่เพื่อน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนแจ้งความ”
ต่อมาภายหลังทราบว่าคดีนี้มี พ.ต.ท.แทน ไชยแสง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยสันติบาล ที่เป็นผู้กล่าวหาในคดีมาตรา 112 ไม่ต่ำกว่า 4 คดี เป็นผู้กล่าวหา
หลังเสร็จสิ้นกระบวนการ ภูเขาได้รับการประกันตัวในระหว่างสอบสวน โดยให้วางหลักทรัพย์ประกันเป็นจำนวน 100,000 บาท และถูกยึดโทรศัพท์ไว้เป็นของกลาง 1 เครื่อง
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาประมาณครึ่งวัน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็พิมพ์เอกสาร เสร็จสิ้นประมาณบ่ายโมง ภูเขาเล่าว่ามีช่วงที่เขานั่งรอว่าเจ้าหน้าที่จะให้ทำอะไรต่อซึ่งเป็นเวลานานมาก ภูเขาคาดว่าสาเหตุที่ใช้เวลานาน อาจจะเพราะกำลังรอใครสักคนซึ่งน่าจะเป็นตำรวจชั้นที่ใหญ่กว่ามีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำอะไรต่อไป
.
หลังผ่าน 3 ปี คดีไม่คืบหน้า จนตำรวจเรียกไปแจ้งข้อหา 112 เพิ่มเติม
ปี 2565 ผ่านไปประมาณ 3 ปี หลังจากเหตุการณ์บุกค้นโดยไม่มีหมาย ช่วงเดือนพฤศจิกายนมีเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่าให้ไปรับเงินประกันคืน เนื่องจากยังไม่ได้มีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลภายใน 48 วัน ภูเขาและครอบครัวจึงไปที่สถานีตำรวจ แต่ในวันนั้นเขายังไม่ได้รับเงินประกันคืนในทันที เนื่องจากต้องให้เจ้าหน้าที่ตามเรื่องให้จึงได้นัดวันใหม่ ภูเขาจึงได้รับเงินประกันคืนในเวลาต่อมา
ในช่วงปลายปี 2565 นั้น ก่อนช่วงปีใหม่ไม่นาน ตำรวจได้นัดให้ภูเขาไปพบอีกรอบโดยไม่มีการออกหมายเรียกเป็นการโทรให้ไปพบที่สถานีตำรวจ เมื่อไปถึงก็พบกับรองผู้กำกับ ร้อยเวร และทนายความ โดยทนายเป็นใครก็ไม่ทราบ แต่เป็นคนที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ ในวันนั้นได้มีการแจ้งข้อหามาตรา 112 เพิ่มเติมจากเดิม และแจ้งพฤติการณ์จากข้อความที่โพสต์เพิ่มเติม จากเดิม 2 โพสต์เฟซบุ๊ก เพิ่มเป็น 6 โพสต์
ภูเขาเล่าว่าตอนแจ้งข้อหาเพิ่มนี้ เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าตอนทำเอกสารจะยื่นฟ้อง เอกสารไม่สมบูรณ์มีคำสั่งให้ทำเอกสารเพิ่ม ภูเขายังคงให้การตามเดิมคือรับสารภาพเฉพาะในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่ปฏิเสธข้อหามาตรา 112
“ผมรู้และเข้าใจว่ามาตรา 112 คืออะไร เคยเห็นข่าว เห็นคนที่ถูกดำเนินคดีมาตรานี้มาก่อน แต่เพิ่งจะมาเห็นพักหลัง ตอนแรกก่อนปี 2562 ไม่เคยเห็น” การแจ้งข้อมาตรา 112 เพิ่มเติมในกรณีของภูเขาเป็นอีกหนึ่งคดีที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายในการบังคับใช้มาตรา 112 ชี้ให้เห็นความเป็นการเมืองและผันแปรตามนโยบายรัฐของกฎหมายมาตรานี้อย่างชัดเจน
“รู้สึกว่าโทษมันเยอะกว่าข้อหาแรกที่ตั้งไว้ รู้สึกไม่ดี มันไม่ยุติธรรม เพราะจริง ๆ ในการตั้งข้อหาครั้งแรกแจ้งแค่ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แค่ 2 โพสต์” ภูเขาพูดด้วยความอัดอั้นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานั้นไม่ยุติธรรมเสียเลย เขารอกระบวนการตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปลายปี 2565 เป็นเวลาเกือบ 4 ปี เพื่อพบว่าถูกตั้งข้อหาเพิ่ม
หลังจากสำนวนคดีถูกส่งมาถึงชั้นพนักงานอัยการ ภูเขาได้ติดต่อขอความช่วยเหลือทางคดีจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และต่อมาอัยการได้มีคำสั่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2566
.
ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังจากถูกดำเนินคดี
ครอบครัวของภูเขาเป็นครอบครัวเดี่ยวประกอบด้วย ตัวเขา ภรรยา และลูก 2 คน หลังจากถูกดำเนินคดี ชีวิตเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยเฉพาะเรื่องการเงินจะเป็นเรื่องที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ภูเขาและภรรยาจัดการค่าใช้จ่ายและงานบ้านเท่า ๆ กัน ทั้งสองช่วยกันหาเงินและช่วยกันดูแลลูกอย่างเท่า ๆ กัน
เดิมลูกทั้งสองเรียนโรงเรียนเอกชนทั้งคู่ มีการศึกษาในระดับค่อนข้างดี แต่เมื่อถูกดำเนินคดี ภูเขาและภรรยาได้ตัดสินใจย้ายให้ลูกทั้งสองมาเรียนโรงเรียนรัฐบาล เนื่องจากเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินคดีและถ้าหากภูเขาต้องถูกตัดสินจำคุก จะทำให้รายได้ครึ่งหนึ่งของครอบครัวหายไป
ในด้านอาชีพค้าขายเนื้อสัตว์ ภูเขาทำร่วมกับแม่ โดยจะเปลี่ยนผลัดกันเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ ปกติแม่จะไปตลาดขายเนื้อสัตว์ 4 วัน และภูเขาจะไปขาย 3 วัน ถ้าภูเขาไม่อยู่ แม่ของเขาต้องขายของทุกวัน “เงินได้เหมือนเดิมไหม มันก็ได้ แต่เขาก็จะเหนื่อยมากขึ้นด้วย แม่ก็อายุเยอะจะ 65 ปีแล้ว” ภูเขากล่าว
ภูเขาได้อธิบายให้ครอบครัวฟังตรงไปตรงมาว่า เขาถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ในขณะนั้นลูกคนโตอายุ 12 ปี ก็พอเข้าใจและรู้เรื่องแล้ว ส่วนลูกคนเล็กอายุประมาณ 3 ขวบ ส่วนแม่ของเขา เมื่อได้รับรู้เรื่อง ก็เครียดและไปวัดถือศีลบ่อยขึ้น ส่วนตัวภูเขาและภรรยา แม้เต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ต้องเตรียมใจกับผลคำพิพากษา โดยภรรยาของเขาจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบหนักหน่วงอีกคนหนึ่งหากเขาต้องถูกจำคุก
.
ความคาดหวังและความฝันในอนาคต
“เรามีแผนในอนาคตเยอะมาก เราอยากให้ลูกไปเรียนที่เชียงใหม่และฝันอยากจะมีบ้านอยู่ที่นั่น” ภรรยาภูเขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อถูกถามว่าก่อนหน้าที่จะถูกดำเนินคดีวางแผนอนาคตไว้อย่างไร ลูกชายคนโตเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่งมาก แต่ภูเขาและภรรยาพยายามช่วยผลักดันด้านการเรียน จากที่เคยได้ผลการเรียน 2.00 จนตอนนี้ผลการเรียนอยู่ที่ 3.4 -3.5
เมื่อถามว่าในวันฟังคำพิพากษาภูเขามีความคาดหวังกับผลคำพิพากษาหรือไม่ ภูเขาตอบว่า “แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล” เขาไม่เป็นห่วงการใช้ชีวิตในเรือนจำมากนัก แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือครอบครัว คนที่อยู่ข้างนอก
ภูเขากังวลว่าหากต้องถูกจำคุก ครอบครัวและแม่ของเขาจะใช้ชีวิตเช่นไร กลัวว่าภรรยาจะเหนื่อยที่จะต้องมาช่วยแม่ขายของแทนเขา เนื่องจากภรรยาเองก็มีงานประจำ กลัวว่าแม่ที่อายุมากจะทำงานเหนื่อยเกินไป และกลัวว่าครอบครัวจะไม่สามารถเข้าเยี่ยมเขาที่เรือนจำได้
วันพิพากษา มาถึงเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 18 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 ปี 36 เดือน พิเคราะห์แล้วจำเลยได้รับข้อมูลด้านเดียว มีความสำนึกผิดไม่ได้กระทำความผิดซ้ำ มีครอบครัวที่ต้องดูแลให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 5 ปี
ผลของคำพิพากษา ทำให้ภูเขาไม่ต้องเข้าเรือนจำ แต่ภูเขายังต้องคุมความประพฤติและปฏิบัติตามเงื่อนไขตามคำพิพากษา และยังต้องรอติดตามว่าอัยการจะอุทธรณ์คดีหรือไม่ต่อไป
.
อ่านฐานข้อมูลคดี
คดี 112 “ภูเขา” เหตุโพสต์เฟซบุ๊ก 6 ข้อความ ในปี 62 วิจารณ์กษัตริย์