เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2567 มูฮำหมัดอาลาดี เด็งนิ และมะยุ เจ๊ะนะตัวแทนผู้ต้องหาคดีมลายูรายา 2022 ทั้ง 9 คน อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้สังเกตการณ์ พร้อมทั้งทนายความจากศูนย์ทนายความมุสลิม (Muslim Attorney Centre Foundation) เดินทางจาก จ. นราธิวาส และ จ. ปัตตานี มายังกรุงเทพมหานครเพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดให้ทบทวนคำสั่งของอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9 ที่มีความเห็นเตรียมสั่งฟ้องคดีนักกิจกรรมทั้ง 9 คนต่อศาลจังหวัดปัตตานี เป็นมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีแทน เพราะการดำเนินคดีนักกิจกรรมชายแดนใต้ทั้ง 9 คนนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะและแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ตาม ม. 21 พ.ร.บ. องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 ด้านอัยการปัตตานีนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือส่งตัวกำหนดฟ้องนักกิจกรรมทั้ง 9 คน ในวันที่ 29 ต.ค. 2567 นี้
กรณีนี้ สืบเนื่องจากการจัดกิจกรรมมลายูรายา Melayu Raya 2022 โดยพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีได้แจ้งข้อหาภายใต้มาตรา 116 (ยุยงปลุกปั่น) มาตรา 209 (อั้งยี่) และมาตรา 210 (ซ่องโจร) แห่งประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อนักกิจกรรมทั้ง 9 คน
สาระสำคัญของหนังสือร้องขอความเป็นธรรมสรุปประเด็นที่ร้องขอ ดังนี้ นักกิจกรรมทั้ง 9 คน ขอให้พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรปัตตานีส่งมอบบันทึกภาพ เสียง และคำพูดที่ได้อ้างว่ามีความผิดให้กับผู้ต้องหาทั้งหมดได้ตรวจสอบความถูกต้อง และตรวจสอบคำแปลที่พนักงานสอบสวนได้แปลไว้แต่ฝ่ายเดียว ให้ตรงกับหลักการทางภาษาและเจตนารมณ์ของการกล่าวบนเวทีในการจัดงานจริง
นักกิจกรรมทั้ง 9 คนขออ้างพยานบุคคลเพิ่มเติมทั้ง รองแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ร่วมเจรจาหารือแนวทางการจัดกิจกรรมฯ, ประธานกรรมาธิการทหาร รัฐสภาชุดที่ 25 ผู้เชิญผู้ต้องหาและหน่วยงานไปให้ข้อมูล, ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษา และเสนอแนวทางส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ผู้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องหา,และรองเลขาธิการสภาความมั่งคงแห่งชาติ ผู้มีหนังสือถึงสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ผู้สนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการส่งเสริมวัฒนธรรมการแต่งกายชุดมลายู เป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่น
อีกทั้ง ขอให้อัยการสูงสุดทบทวนการกลั่นกรองสำนวนคดีให้ละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้อัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9 มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี เพราะการดำเนินคดีนักกิจกรรมชายแดนใต้ทั้ง 9 คนนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะและแนวทางแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ตาม ม. 21 พ.ร.บ. องค์กรอัยการฯ และหากมีการดำเนินคดีผู้ต้องหาจะยังเป็นการแสดงให้เห็นความไม่จริงใจของรัฐในการดำเนินกระบวนการสันติภาพ ที่ทั้งรัฐบาลและผู้มีความเห็นที่แตกต่างจากรัฐตกลงจะใช้แนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางการเมืองผ่านการเจรจาสันติภาพ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2567 นักกิจกรรมคดีมลายูรายา 2022 ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการปัตตานีไว้แล้ว
การดำเนินคดีกับผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมกิจกรรมมลายูรายา 2022
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2565 สมัชชาฯ CAP ได้มีการจัดกิจกรรม Melayu Raya 2022 ณ หาดวาสุกรี อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ
- เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ฟื้นฟูการแต่งกายตามวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่น
- เพื่อเปิดโอกาสให้กับกลุ่มเครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มีพื้นที่สาธารณะในการแสดงออกทางวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์
- เพื่อรณรงค์และหนุนเสริมบรรยากาศกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่
ในวันงานมีผู้เข้าร่วมกว่า 1 หมื่นคน มีการจัดกิจกรรมหลายรูปแบบ เช่น กิจกรรมรวมตัวแต่งกายชุดมลายู-มุสลิม การโบกธงประจำหมู่บ้าน การแสดงสัญลักษณ์ “Save Palestine” การละหมาดอัซรี และการแสดงบนเวที การกล่าวสุนทรพจน์ และร้องเพลงบนเวที ฯลฯ
ต่อมาวันที่ 14 ธ.ค. 2566 หรือระยะเวลามากกว่า 1 ปี 6 เดือนหลังวันงาน ผู้จัดงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรม Melayu Raya 2022 จำนวน 9 คน ได้รับหมายเรียกจากตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เพื่อให้ไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 9 ม.ค. 2567
วันที่ 9 ม.ค. 2567 ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 9 พร้อมทนายความ ญาติ ผู้สังเกตการณ์ รวมถึงองค์กรภาคประชาสังคม เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรปัตตานี ซึ่งใช้สถานีตำรวจภูธรสายบุรี จังหวัดปัตตานีเป็นสถานที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามมาตรา 116 (ยุยงปลุกปั่น) มาตรา 209 (อั้งยี่) และมาตรา 210 (ซ่องโจร) แห่งประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทั้งนี้ หลังรับทราบข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ได้ให้การปฏิเสธ
ในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนระบุกล่าวหาว่า “ผู้ต้องหากับพวกได้มีการกล่าวถ้อยคำบนเวทีอันมีลักษณะยุยงปลุกปั่นและปลุกระดมว่ามีศัตรูมาทำลายชาติมลายูปาตานี ทำให้เสียเอกราช เยาวชนต้องรวมตัวกันทำให้หมดไปซึ่งการถูกกดขี่ข่มเหง การกล่าวถ้อยคำว่าวันรายอที่ 3 เป็นวันเยาวชนแห่งชาติปาตานี กิจกรรมร้องเพลงปลุกใจมีเนื้อหาทำนองให้เยาวชนร่วมกันปฏิวัติกอบกู้เอกราชปาตานี”
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2567 พนักงานสอบสวนส่งสำนวนพร้อมผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี และมีความเห็นว่าควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 9 คน พนักงานอัยการจึงนัดให้ผู้ต้องหาไปรายงานตัวในวันที่ 28 ส.ค. 2567 แต่เนื่องจากผู้ต้องหาบางรายติดภารกิจประชุมหารือเรื่องคดีดังกล่าวกับคณะนักการทูต สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (หรือ OHCHR) และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย จึงได้เลื่อนนัดไปเป็นวันที่ 26 ก.ย. และ 29 ต.ค. 2567 ตามลำดับ
กลไกพิเศษ UN รับคำร้องเรียนคดีมลายูรายา 2022
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (Civil Society Assembly For Peace: CAP), มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม (Muslim Attorney Centre Foundation: MAC) และกลุ่มด้วยใจ ยื่นคำร้องเรียน (communication) ต่อกลไกพิเศษแห่งองค์การสหประชาชาติ หรือ UN Special Procedures เพื่อรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินคดีนักกิจกรรมชาวมุสลิมจากการจัดกิจกรรมมลายูรายา 2022
ในคำร้องดังกล่าวมีข้อเรียกร้องต่อคดีมลายูรายา 2022 และสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภาคใต้ดังนี้
- ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยุติการดำเนินคดีต่อบุคคลทั้ง 9 และ/หรือให้พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง
- ให้รัฐบาลไทยยุติการดำเนินคดีภายใต้มาตรา 116 ต่อบุคคลที่ใช้สิทธิทางวัฒนธรรมและศาสนา ซึ่งได้รับการคุ้มครองภายใต้ข้อ 18 และ 27 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วนสิทธิทางพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR
- ให้รัฐบาลไทยมีการจัดการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม และนำเจ้าหน้าที่ที่ได้กระทำความผิดมาเข้ากระบวนการยุติธรรม
- เรียกร้องให้รัฐบาลไทยพิจารณายกเลิกการบังคับใช้พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกฎหมายพิเศษดังกล่าวได้ถูกบังคับใช้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้วกว่า 20 ปีสำหรับพ.ร.บ.กฎอัยการศึก และกว่า 19 ปีสำหรับพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
- เรียกร้องให้รัฐบาลไทย รวมถึงทุกภาคส่วนในกระบวนการยุติธรรม คุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและการแสดงความคิดเห็น ซึ่งได้รับการคุ้มครองภายใต้ข้อ 19 ของ ICCPR