10 มิ.ย. 2567 เป็นวันที่ 4 กับชีวิตในเรือนจำพิเศษกรุงเทพของ ยงยุทธ หรือ ‘บัง’ ผู้ต้องขังที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 6 เดือน ในคดีที่ถูกกล่าวหาเรื่องทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน เหตุจากการถูกกล่าวหาว่าสับศอกใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากถูกจับกุมที่ห้างเมเจอร์รัชโยธิน ก่อนการชุมนุม #ม็อบ6มีนา64 ทำให้คดีสิ้นสุดลงแล้ว และเขาต้องรับโทษจากคดีนี้
ตอนนี้บังอยู่แดน 2 คือแดนแรกรับ ทนายได้คุยผ่านจอภาพ ทนายมองเห็นบัง แต่บังมองไม่เห็นทนาย เนื่องจอภาพข้างในเสีย บังแนะนำตัวคร่าว ๆ ว่าเขาอายุ 26 ปี ก่อนหน้าอาศัยอยู่กับแฟนที่แห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ตัวเขามีลูกชายหนึ่งคน อายุ 7 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่อายุ 64 ปีที่ย่านสะพานสูง ส่วนพ่อของบังเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน

บังฉายภาพว่า ก่อนจะมีคำพิพากษาศาลฎีกา ประกอบอาชีพไรเดอร์ ก่อนหน้าที่จะมีคดี เขาเคยเป็นพนักงานที่ร้านอาหารฟาสฟู๊ดแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากต้องไปศาลบ่อย ต้องลางานบ่อย เนื่องจากต้องไปต่อสู้คดี ทำให้ต้องถูกขอให้ลาออกจากการเป็นพนักงาน ต่อมาก็ไปเป็นพนักงานที่ร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ทำได้ไม่นานก็ถูกให้ออก เพราะต้องลางานไปศาลบ่อยเช่นกัน จากนั้นจึงหันมาเป็นไรเดอร์แทน
โดยทุกสัปดาห์บังจะต้องส่งเงินให้แม่ 1,000-1,500 บาท แม่ของบังไม่ได้ทำงานอะไรเนื่องจากมีโรคประจำตัว คือความดัน เนื้องอกไขกระดูกสันหลัง เนื้องอกปากมดลูก ตาหนึ่งข้างเริ่มมองไม่เห็น
“ตอนนี้ผมเป็นห่วงแม่ ลูกชายและแฟนมาก ๆ ที่ผ่านมา คอยส่งเสียเลี้ยงดูแม่และลูกตลอด ตอนนี้ไม่รู้ข้างนอกจะเป็นยังไงบ้าง”
เมื่อพูดถึงการศึกษาบังเล่าว่า เรียนจบชั้น ม.3 และขณะนี้กำลังเรียนต่อเพื่อให้ได้วุฒิชั้น ม.6 ที่ กศน. ตั้งใจว่าจะจะใช้วุฒิไปต่อ ปวช. เมื่อเรียนจบจะสอบเป็นข้าราชการ เพราะเป็นอาชีพที่มั่นคง เพื่อจะได้เลี้ยงดูแม่และลูกและแฟนได้ แต่ตอนนี้ก็ต้องหยุดลง ก่อนหน้าที่จะมาเป็นทีมการ์ดในช่วงการชุมนุม
“ผมไม่ได้ติดตามการเมืองอะไรมาก่อน แต่ไม่พอใจทำไมถึงไม่มีการเลือกตั้งสักที ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง ช่วงนั้นที่ ม.รามคำแหง มี ไมค์ ภาณุพงศ์ มาปราศรัย บ้านผมอยู่แถวนั้นเลยลองไปฟัง ผมได้ไปฟังแค่ครั้งเดียวแล้วก็ไม่ได้ไปอีกเลย แต่ติดตามข่าวตามโซเชียลมีเดีย”
จากนั้นการเห็นข่าวการชุมนุมในที่ต่าง ๆ กระทั่งตัดสินใจออกมาม็อบอีก คือเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐยิงแก๊สน้ำตาใส่เด็กนักเรียนและประชาชนที่แยกปทุมวันในช่วงเดือนตุลาคม 2563 “ผมคิดว่าถ้าวันนั้นเป็นลูกเรา เราจะทำยังไง”
บังจึงเริ่มไปชุมนุมมากขึ้น “ผมก็ไปแบบคนทั่วไป มีอะไรทำก็ทำ ไปช่วยลำเลียงน้ำ ลำเลียงหมวก ของใช้จำเป็นในม็อบ จนมีวันหนึ่งมีคนมาทักผมว่าทำไมไม่ไปสมัครเป็นการ์ด ผมก็เลยสมัคร ไปเป็นการ์ดเพื่อที่จะป้องกันมวลชนไม่ให้ได้รับอันตรายจากการชุมนุม”
บังบอกอีกว่า “การเป็นการ์ดชุมนุมเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตผม ยังคงภูมิใจ ถ้าย้อนกลับไป จากเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดคดีวันนั้น ผมรู้สึกผิดจริง ๆ ผมเป็นลูกผู้ชายพอผมรู้ว่ามันผิด แต่ที่เกิดขึ้นกับผม สิ่งที่ผมอยากได้คือความเป็นธรรม แล้วตำรวจที่ยิงผู้ชุมนุมตาบอด หรือน้องวาฤทธิ์ ที่ถูกยิงเสียชีวิตที่ดินแดง ผมอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่น้องวาฤทธิ์ถูกยิง ผมเห็นกับตาว่าน้องถูกยิงเข้าที่หัวแล้วก็เสียชีวิตไปเลย ผมอยากจะเข้าไปช่วย แต่ก็กลัวว่าจะถูกยิง ตอนนี้ผมยังไม่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์พวกนี้ ทำไมป่านนี้ถึงยังหาคนยิงไม่ได้ ทั้งที่กล้องวงจรปิดก็มี”
ก่อนจากกันบังให้ข้อมูลว่า ตอนนี้อยู่ห้องที่มีผู้ต้องขังทั้งหมด 12 คน “วันแรกที่เข้ามาผมกลัวทุกอย่าง ผมไปนอนที่มุมห้องน้ำ กลัวว่าจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้ จนคนในห้องเรียกมานอนที่นอน วันแรกที่เข้ามามันจิตตก มันกังวลหมดทุกอย่าง แต่โชคดีที่เพื่อนในห้องคอยช่วยพูดคุย เป็นกำลังใจให้กัน กำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนสำคัญกับผมมาก ๆ”
การเข้าไปอยู่ในเรือนจำของยงยุทธ จนถึงปัจจุบัน (11 มิ.ย. 2567) ทำให้มียอดผู้ต้องขังในคดีทางการเมือง รวมแล้วอย่างน้อย 43 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างการต่อสู้คดี อย่างน้อย 24 คน, ผู้ต้องขังที่คดีถึงที่สุดแล้วจำนวนอย่างน้อย 18 คน และเยาวชน 1 คน ที่ถูกคุมขังตามคำสั่งศาลให้ใช้มาตรการพิเศษแทนการมีคำพิพากษา