วานนี้ “พลเมืองโต้กลับ” จัดกิจกรรม “พลเมืองตีเข่า” เต้นประกอบเพลง “อย่างนี้ต้องตีเข่า” ที่ กกต. ประท้วงที่ กกต. ให้ข่าวว่าจจะแจ้งความนักแสดงในมิวสิควิดีโอเพลงดังกล่าวว่าผิด พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ มาตรา61 กลุ่ม “คนไทยหัวใจเกิน 100” มารอประท้วงจ่านิวและอ่านแถลงการณ์พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ กกต. ตำรวจเข้าห้ามพลเมืองโต้กลับทำกิจกรรมและคุมตัวพ่อน้องเฌอไปสน.ให้ลงบันทึกประจำวันแต่ไม่แจ้งข้อกล่าวหาก่อนปล่อยกลับบ้าน
15มิ.ย.2559 เวลา 15.00น. ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ กลุ่มพลเมืองโต้กลับและขบวนการประชาธิปไตยใหม่ร่วมกันจัดกิจกรรม “พลเมืองตีเข่า” เพื่อประท้วงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยการนัดเต้นประกอบเพลง “อย่างนี้ต้องตีเข่า” ที่เผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 14 เม.ย.2559เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ…. หลัง กกต. ได้ให้ข่าวว่าจะแจ้งความต่อสมาชิกพลเมืองโต้กลับที่ร่วมแสดงในมิวสิควิดีโอเพลงดังกล่าวในข้อหาตามมาตรา 61 พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ
ตำรวจได้นำกำลังราว 150 นาย มาที่ศูนย์ราชการฯ และวางกำลังเตรียมพร้อมบริเวณหน้าทางเข้าตึก B รถที่จอดอยู่ด้านหน้าอาคาร B พบว่าเป็นรถตู้ของ สน.สายไหม สน.ประชาชื่น สน.ดอนเมือง รถตู้ตำรวจไม่ทราบสังกัด 1 คัน และรถกระบะตำรวจอีก 2 คันนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วยังมี รปภ.ของศูนย์ราชการเอง และมีทหารและตำรวจนอกเครื่องแบบบางส่วน
นอกจากเจ้าหน้าที่แล้วยังมีมวลชน “คนไทยหัวใจเกินร้อย” นำข้าวกล่องที่เตรียมไว้จำนวนมากมาที่หน้าทางเข้าอาคาร โดยชี้แจงว่านำมาแจกให้กับผู้ที่รัก กกต.เท่านั้น ตำรวจได้เจรจาให้กลุ่มดังกล่าวนำข้าวกล่องที่เตรียมมาออกไปจากบริเวณทางเข้าอาคาร ด้วยเหตุผลเรื่องความสงบเรียบร้อย แต่ผู้ที่มาชุมนุมแสดงความไม่พอใจยืนยันจะไม่ย้ายพร้อมทั้งสบถด่าทอ แต่ภายหลังผู้ที่มาชุมนุมก็ยอมย้ายตามที่เจ้าหน้าที่แจ้ง
ประมาณ 16.00น. สมาชิกกลุ่มคนไทยหัวใจเกินร้อยได้อ่านแถลงการณ์สนับสนุนการทำงานของ กกต. และดำเนินคดีกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ก่อนปิดท้ายด้วยว่าหากนายสิรวิชญ์ไปที่ไหน พวกเขาก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกันเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีคนไทยที่ไม่เห็นด้วย
จากนั้นนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ สมาชิกพลเมืองโต้กลับเดินทางมาถึงได้เกิดความวุ่นวายขึ้น สมาชิกของคนไทยหัวใจเกินร้อยได้ตะโกนด่าทอนายสิรวิชญ์และน.ส.พัชนรี แม่ของเขา ข้อความว่า “ไอ้นิวมันเป็นใคร ปล่อยให้มันเดินเข้าไปได้ยังไง มันเดินเข้าไปอย่างราชา มันเป็นแค่นักศึกษา เราต้องอย่าให้นักศึกษามันจูงจมูก” และท้าทายให้ใช้กำลัง อีกทั้งยังมีการกล่าวถึงคดีม.112ของน.ส.พัชนรีอีกว่ายังมีคำอื่นนอกจากคำว่า “จ้า” ด้วย เจ้าหน้าที่จึงเข้าเจรจากับฝ่ายที่สนับสนุนกกต.ว่าขอให้ออกจากตัวอาคารเพราะเกรงว่าอาจเกิดเหตุปะทะและมีหากไม่ยุติจะมีความผิดตาม คำสั่งหัวหน้าคสช. 3/2558 ภายหลังการเจรจากลุ่มผู้สนับสนุน กกต.ยังสามารถอยู่ภายในอาคารเช่นเดิม แต่มีเจ้าหน้าที่ยืนล้อมเอาไว้ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีทีท่าสงบลงแต่ยังคงขอทำกิจกรรมมอบดอกไม้ให้ กกต.
เหตุการณ์ด้านนอกอาคารกลุ่มพลเมืองโต้กลับเดินทางมาถึงอาคาร B ศูนย์ราชการฯ แล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางส่วนที่อยู่ภายในอาคาร จึงออกไปยังบริเวณหน้าเสาธงซึ่งอยู่นอกอาคารออกไปอีกเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุวุ่นวาย ก่อนเริ่มกิจกรรมมีการแจกเนื้อเพลง “อย่างนี้ต้องตีเข่า” และแจกใบปลิว “7 เหตุผลไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ” ของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมและ นายวรวุฒิ บุตรมาตรกล่าวปราศรัยวิจารณ์ถึงนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ประเด็นใช้ตำแหน่งหน้าที่ กกต. ทำงานให้กับ คสช.
ขณะที่กิจกรรมกำลังดำเนินอยู่ พ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ รองผบก.น.2 เข้าเจรจากับนายวรวุฒิและน.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ที่กำลังทำกิจกรรมให้ระงับการทำกิจกรรมโดยอ้างว่าเป็นสถานที่ราชการ และอ้าง พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 ข้อ5 อ้างว่าเนื้อหาของเพลงมีถ้อยคำรุนแรง หยาบคายและห้ามใช้เครื่องเสียง ทางด้านนักกิจกรรมจึงโต้แย้งว่า พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ มีเพียงกกต.ที่มีอำนาจในการแจ้งความดำเนินคดีเท่านั้น กกต.จะต้องไปแจ้งความก่อนตำรวจถึงจะมีสิทธิจับแล้วจัดกิจกรรมต่อ และยินยอมที่จะไม่ใช้เครื่องเสียง
จากนั้นนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพหนึ่งในสมาชิกของพลเมืองโต้กลับเดินออกมาจากภายในอาคาร B ไปยังบริเวณจุดที่ทำกิจกรรม และชี้แจงว่าตนเป็นผู้แต่งเพลง “อย่างนี้ต้องตีเข่า” เอง และวันนี้ก็เป็นการชุมนุมโดยสงบแล้วก็จะมาเต้นให้ดูว่าท่าเต็นในคลิปเป็นอย่างไร
พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผู้กำกับการ สน.ทุ่งสองห้อง ได้เข้ามาเจรจากับนายพันธ์ศักดิ์แล้วนำตัวนายพันธ์ศักดิ์ไป ที่รถตู้ตำรวจที่จอดรออยู่บริเวณจุดทำกิจกรรม จึงมีความวุ่นวายเกิดขึ้นผู้ชุมนุมจึงถามตำรวจว่าจะจับกุมนายพันธ์ศักดิ์ใช่หรือไม่หากเป็นเช่นนั้นจะนำตัวไปที่ไหน แต่ตำรวจกลับกล่าวว่าไม่ได้จับกุม ทั้งนี้กิจกรรมก็ยังคงดำเนินต่อไป ต่อมาเจ้าหน้าที่นำตัวนายพันธ์ศักดิ์กลับมายังจุดที่ทำกิจกรรมอีกครั้ง นายพันธ์ศักดิ์แจ้งผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมว่าขอจบกิจกรรมแต่เพียงเท่านี้
17.00น. ตำรวจนำตัวนายพันธ์ศักดิ์ขึ้นรถตู้โยแจ้งว่าจะพากลับไปแลกบัตรประชาชนคืนจากทางเข้าตัวอาคารเพื่อให้นายพันธ์ศักดิ์กลับบ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าตำรวจนำตัวไปสน.ทุ่งสองห้อง อีกทั้งได้มีการออกประกาศโดยผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ติดไว้ที่หน้าทางเข้าอาคาร B ให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมในเวลา15.45 น.
ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงติดตามนายพันธ์ศักดิ์ไปที่สถานีตำรวจและเข้าร่วมฟังการสอบปากคำ ทั้งนี้ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา มีเพียงการลงบันทึกข้อความและบันทึกประจำวันเอาไว้แล้วจึงปล่อยตัวนายพันธ์ศักดิ์กลับในเวลา 19.30น.