ดำเนินคดี 14 ชาวบ้าน-น.ศ. ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช. 3/58 หลังทำกิจกรรมหนุน’เดินมิตรภาพ’ที่พะเยา

6 ก.พ.61 ภายหลังจากมีการเรียกตัวชาวบ้านและนักศึกษาที่ทำกิจกรรมเดินและถือป้ายสนับสนุนกิจกรรม “We Walk เดินมิตรภาพ” ไปที่สภ.ภูซาง จังหวัดพะเยา เมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้  ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อชาวบ้านและนักศึกษา รวมทั้งหมด 14 ราย ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 เรื่องการชุมนุมทางการเมือง ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาที่อยู่ที่สภ. จำนวน 11 ราย แล้ว และสอบปากคำจนถึงรุ่งเช้าที่ผ่านมา

ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมจะนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลในการฝากขังในช่วงสายวันนี้ ทำให้ต้องมีการยื่นขอประกันตัวจากศาล โดยขณะนี้กลุ่มผู้ต้องหาและทางสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือกำลังหาหลักทรัพย์เพื่อใช้ในการขอประกันตัว

 

ติดตามเรียกตัวชาวบ้าน-นักศึกษา หลังทำกิจกรรมสนับสนุน “เดินมิตรภาพ”

หลังจากเมื่อวันที่ 5 ก.พ.61 เวลา 11.00 น. กลุ่มเกษตรกรบ้านดอยเทวดา ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา ได้ทำกิจกรรมเดินมิตรภาพในพื้นที่ชุมชน โดยมีการถือป้ายและอ่านแถลงการณ์สนับสนุนกิจกรรม “We walk เดินมิตรภาพ” ของเครือข่าย People Go พร้อมกับเรียกร้องเรื่องกฎหมายสำหรับคนจน 4 ฉบับ ได้แก่ ธนาคารที่ดิน ภาษีในอัตราก้าวหน้า สิทธิชุมชน และกองทุนยุติธรรม โดยมีการเดินเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ในหมู่บ้าน

ในช่วงบ่าย ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 5-6 นาย เดินทางเข้าไปยังบ้านของหนึ่งในชาวบ้านที่ร่วมกิจกรรม พร้อมกับพูดคุยเรื่องการทำกิจกรรม ระบุว่าทำไมไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ จะได้เข้ามารักษาความปลอดภัย เกรงจะมีมือที่สามมาแทรกแซง หรือสอดแทรกเรื่องการเมือง พร้อมกับขอชื่อและเบอร์ติดต่อชาวบ้านไปด้วย

ต่อมายังมีเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบประมาณ 6-7 นาย ติดตามเข้าไปหาชาวบ้านที่ร่วมกิจกรรมด้วย โดยระบุว่ามาตรวจสอบกิจกรรมที่อาจจะเป็นการกระทบความมั่นคง

จนเวลาประมาณ 19.00 น. ชาวบ้าน 2 ราย ได้รับโทรศัพท์จากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ติดต่อให้เดินทางไปที่ สภ.ภูซาง เพื่อทำการเซ็นเอกสารรับทราบว่าการจัดกิจกรรมเดิน We Walk เดินมิตรภาพ และเรื่องการไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง โดยให้พาชาวบ้านรายอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมไปด้วย กลุ่มชาวบ้านและนักศึกษาที่เข้าไปร่วมกิจกรรม รวมทั้งหมด 11 ราย ได้ทยอยเดินทางไปที่สภ.ภูซาง โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจรออยู่แล้ว โดยพบว่าเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบประมาณ 20 นาย ยังมีการพกพาอาวุธปืนยาว ตรึงกำลังอยู่ทั้งบริเวณในและนอกสถานีตำรวจอีกด้วย

.

.

แจ้งข้อกล่าวหา 3/58 กลางดึก โดยไม่มีทนายความอยู่ด้วย

หลังจากที่ชาวบ้านและนักศึกษาได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้มีการสอบประวัติของผู้ร่วมทำกิจกรรม และสอบถามถึงรายละเอียดกิจกรรมจากชาวบ้าน โดยมีการนำป้ายที่ใช้ในกิจกรรมมาตรวจสอบ พร้อมกับสอบถามความหมาย จากนั้นจึงมีการรอคำสั่งการ และการปรึกษาพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆ

จากนั้น เวลาประมาณ 24.00 น. มีรายงานว่ากำลังพลของเจ้าหน้าที่ทหารได้เดินทางกลับ โดยทราบว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านและนักศึกษาที่ทำกิจกรรมดังกล่าว จำนวน 14 ราย ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 เรื่องการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

จนกระทั่งเวลาประมาณ 3.30 น. ของวันที่ 6 ก.พ.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการเริ่มแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 กับชาวบ้านและนักศึกษา รวมจำนวน 10 ราย พร้อมสอบปากคำ โดยที่ชาวบ้านที่เป็นผู้ถูกแจ้งความอีก 3 ราย ยังไม่ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป ขณะที่เยาวชนอายุ 16 ปี ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา

แม้ก่อนการแจ้งข้อกล่าวหา ทางเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ซึ่งได้เดินทางติดตามเข้าไปหลังทราบเรื่อง จะมีการเจรจาให้เจ้าหน้าที่เลื่อนการแจ้งข้อกล่าวหาออกไป เนื่องจากยังไม่มีทนายความอยู่ด้วย และกรณีถ้ามีการนำตัวไปฝากขัง ชาวบ้านจะมีปัญหาเรื่องหลักทรัพย์ประกันตัว แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุส่วนหนึ่งว่าเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า และได้ตัวผู้กระทำมาทั้งหมดแล้ว จึงเลื่อนไม่ได้

ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ให้การปฏิเสธ ระหว่างสอบปากคำมีเจ้าหน้าที่จากสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่นเข้าร่วมรับฟังด้วย แต่ไม่ได้มีทนายความอยู่ด้วย

สำหรับผู้ต้องหาจำนวนทั้งหมด 14 คน ในจำนวนนี้ มีชาวบ้านที่ร่วมทำกิจกรรมจำนวน 11 ราย และกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงรายที่เคยออกค่ายในพื้นที่ ทำให้มีความคุ้นเคยกับชาวบ้านอีก 3 ราย มีรายงานว่าหนึ่งในชาวบ้านที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหายังเป็นเยาวชนอายุ 16 ปี และยังเป็นผู้มีอาการพิการทางสมองด้วย

.

.4ภภาพจากเพจ สกน สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ

.

ตำรวจเตรียมนำตัวไปฝากขังที่ศาลเชียงคำ

การแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาแต่ละรายเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 6.00 น. โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปขออำนาจศาลในการฝากขังในช่วงสายวันนี้ สำหรับพื้นที่อำเภอภูซางนั้นอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดเชียงคำ ทำให้ต้องมีการยื่นขอประกันตัวจากศาล โดยขณะนี้กลุ่มผู้ต้องหาและทางสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือกำลังหาหลักทรัพย์เพื่อใช้ในการขอประกันตัว

สำหรับกลุ่มเกษตรกรดอยเทวดา เป็นหนึ่งในสมาชิกของสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน โดยมีข้อพิพาทกับบริษัทเชียงคำฟาร์ม จำกัด มาตั้งแต่ปี 2545 ชาวบ้านยังถูกฟ้องร้องในคดีบุกรุกรวม 8 คดี เนื่องจากบริษัทอ้างกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดินทำกินของชาวบ้าน (ดูความเป็นมาของความขัดแย้งในพื้นที่ดอยเทวดาโดยสำนักข่าวประชาธรรม)

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกิจกรรม ‘เดินมิตรภาพ’ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลกิจกรรม ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มิให้กระทำการใดๆ ที่มีลักษณะเป็นการปิดกั้น ขัดขวาง ในการใช้เสรีภาพการชุมนุม

 

X