เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “โย่ง” (สงวนชื่อสกุล) ผู้ต้องขังในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเป็นผู้ต้องขังที่เพิ่งรับทราบว่าถูกคุมขังอยู่ โดยที่คดีของเขาถึงที่สุดไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ ผู้ต้องขังในคดีทางการเมืองในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้แจ้งกับทนายความว่าพบผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 ที่ไม่เคยทราบมาก่อน ถูกคุมขังอยู่ในแดน 1 ของเรือนจำด้วย ทนายความจึงได้ติดตามเรื่องและขอเข้าเยี่ยมในเวลาต่อมา โดยมีระยะเวลาเยี่ยมสั้น ๆ 15 นาที
โย่ง ในวัย 51 ปี เป็นชายวัยกลางคนผิวคล้ำ ร่างใหญ่ ผมสีดอกเลาถูกตัดเป็นรองทรงสั้น แม้ว่าจะสวมหน้ากากอนามัยปิดปากตลอดเวลา แต่ก็มักจะได้ยินเสียงหัวเราะตบท้ายประโยค อย่างค่อนข้างอารมณ์ดี
ก่อนสอบถามข้อมูลคดีของเขา โย่งรีบบอกว่า “วันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) จะครบ 3 ปี ที่ผมถูกขังในเรือนจำพิเศษแล้ว ถ้าไม่นับที่ถูกขังตอนโดนจับแล้วได้ประกันตัวอีก 19 วันนะ (หัวเราะ)”
โย่งบอกว่าคดีของเขาเกิดตั้งแต่ประมาณช่วงปี 2561 เหตุจากการไปคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กที่มีภาพสมาชิกราชวงศ์อยู่ และมีการโต้ตอบกันไปมาในคอมเมนต์ เป็นที่มาของการถูกดำเนินคดี โดยโย่งไม่ได้ลงรายละเอียดเนื้อหาที่ถูกกล่าวหา
ในช่วงปีนั้นขณะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังมีบทบาท เขาเล่าว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐไปจับกุมตัว โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร และ กอ.รมน. เป็นชุดที่มาจับกุมด้วย เขาถูกนำตัวไปยังค่ายทหาร ที่กรมทหารราบที่ 11 ในขณะนั้น และถูกควบคุมตัวในค่ายประมาณ 3-4 วัน โดยมีการยึดมือถือไปด้วย ต่อมาเขาถูกนำตัวไปแจ้งข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ สน.ประเวศ ก่อนถูกนำตัวไปขอฝากขังที่ศาล โดยไม่ได้ทำเรื่องขอประกันตัว
โย่งบอกว่าเขาถูกคุมขังที่เรือนจำในช่วงแรกอยู่ประมาณ 19 วัน กว่าญาติจะทราบเรื่องและมาติดตามทำเรื่องขอประกันตัว และได้รับอนุญาตจากศาล เขาจึงได้ออกมาระหว่างต่อสู้คดี อยู่ประมาณ 1 ปี
หลังจากนั้น เขาบอกว่าได้ไปว่าจ้างทนายความมาช่วยเหลือคดี และถูกสั่งฟ้องต่อศาล โย่งตัดสินใจให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา วันที่ 1 ธ.ค. 2563 เขาถูกศาลตัดสินพิพากษาจำคุก 12 ปี โดยให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 ปี และเขาก็ถูกนำตัวไปคุมขังมาตั้งแต่วันนั้น ถึงปัจจุบันก็ 3 ปีแล้ว
“หลังถูกตัดสินจำคุก ผมก็เข้ามาอยู่ในเรือนจำยาวเลย แรก ๆ ก็อึดอัดเหมือนกัน เราไม่มีเพื่อนเลยนะ ก็ต้องปรับตัวให้อยู่ให้ได้ ตอนนี้เริ่มมีเพื่อนผู้ต้องขังทางการเมือง ก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่เดี๋ยวนี้ ผู้ต้องขังแดน 1 เยอะมาก มี 499 คนแล้ว สมัยปี 2563 ไม่เยอะเท่านี้”
โย่งเล่าว่าช่วงที่ผ่านมา เขาได้รับอภัยโทษ 2 ลูก (หรือ 2 ครั้ง) ในโอกาสสำคัญ ทำให้โทษถูกลดหย่อนลงมา ตอนนี้จะเหลือโทษอีกประมาณ 7 เดือนกว่า เขาคาดว่าน่าจะมีกำหนดพ้นโทษในวันที่ 15 มิ.ย. 2567 นี้
โย่งย้อนเล่าถึงภูมิหลังว่า เขาทำอาชีพขับรถรับจ้างจากสนามบินสุวรรณภูมิ รับส่งนักท่องเที่ยว โดยถ้าไม่มีงาน ก็จะวิ่งแท็กซี่ตามโรงแรม เขาบอกว่าตนเองเคยเป็นผู้ชุมนุมเสื้อแดงมาก่อน โดยเคยเข้าร่วมการชุมนุมช่วงปี 2553 และอยู่ในเหตุการณ์ที่ เสธ.แดง ถูกยิงที่แยกศาลาแดงด้วย
”ตอนนี้ผมไม่มีครอบครัว ต่างคนต่างอยู่ แต่มีหลานที่ตอนผมอยู่ข้างนอกเคยส่งเสียเลี้ยงดู ส่งเงินมาให้ในเรือนจำทุกเดือน เดือนละพันกว่าบาท แต่ไม่ได้มาเยี่ยม มันก็พออยู่ได้แหละ” โย่งบอก
หลังจากนั้น โย่งได้สอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองภายนอก ทั้งเรื่องว่ายังมีการชุมนุมทางการเมืองอยู่หรือไม่ และเรื่องการนิรโทษกรรมผู้ต้องขังทางการเมือง ด้วยความสนใจในประเด็นนี้อย่างมาก เนื่องจากผู้ต้องขังมาตรา 112 ควรจะเป็นส่วนหนึ่งที่ถูกนับรวมไปด้วย
ก่อนการพูดคุยจะจบลง เมื่อหมดเวลาเยี่ยม โย่งจึงลุกขึ้นและโบกมือลา
.