‘ศาลแขวงราชบุรี’ ไม่ออกหมายเรียกพยานจำเลยในคดี ‘ป้าวันทนา’ เหตุตะโกนไล่ประยุทธ์ ชี้ฝั่งจำเลยไม่แสดงเหตุผลในการเรียกพยาน แม้ได้บันทึกความสำคัญของพยานแต่ละปากไว้ในรายงานก่อนแล้ว

ศาลแขวงราชบุรีไม่อนุญาตให้ออกหมายเรียกพยานจำเลยในคดี ‘ป้าวันทนา’ ยืนตะโกนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีกำหนดนัดหมายสืบพยานในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ โดยอ้างว่าฝ่ายจำเลยไม่ได้แสดงเหตุผลและความจำเป็นของพยานแต่ละปาก แม้ตอนนัดตรวจพยานหลักฐาน ศาลได้บันทึกประเด็นของพยานแต่ละปากไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาหมดแล้ว

สำหรับ วันทนา โอทอง อายุ 62 ปี เธอถูกดำเนินคดีจากเหตุเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่เข้าสักการะเจ้าแม่เบิกไพรที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ในวันนั้น วันทนาไปยืนรอขบวนรถนายกรัฐมนตรีและตะโกนวิพากษ์จิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบเข้าไปสกัดและควบคุมตัว ไปแจ้งข้อหาที่ สภ.บ้านโป่ง

ต่อมาวันทนาถูกอัยการสั่งฟ้องต่อศาลแขวงราชบุรีใน 3 ข้อหา ได้แก่ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน, ส่งเสียงหรือกระทำความอื้ออึงในสาธารณะ และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน  โดยศาลกำหนดนัดหมายสืบพยานโจทก์ในวันที่ 12-13 ก.ย. 2566 และสืบพยานจำเลยในวันที่ 14-15 ก.ย. 2566

ก่อนหน้าการสืบพยาน เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2566 ทนายจำเลยได้ยื่นขอออกหมายเรียกพยานจำนวน 2 ปาก ตามบัญชีพยานจำเลยที่ได้ยื่นในนัดตรวจพยานหลักฐาน

ต่อมา ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง โดยระบุว่า “ผู้ร้องยื่นขอหมายเรียกโดยมิได้แสดงถึงเหตุผลและความจำเป็นของตน ให้ผู้รับแสดงเหตุผลและความจำเป็นของพยานแต่ละปาก ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิด ในชั้นนี้จึงยังไม่เห็นควรอนุญาต ให้ยกคำร้อง”

ทั้งนี้ พยานบุคคลที่ทนายจำเลยได้ร้องขอออกหมายเรียก ได้แก่ ดร.พัชร์ นิยมศิลป อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นทางกฎหมายด้านเสรีภาพในการแสดงออกในการชุมนุม และ พยานประชาชนในจังหวัดราชบุรีอีกรายหนึ่งที่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 

ก่อนหน้านี้ในวันที่ 20 มิ.ย. 2566 ในนัดตรวจพยานหลักฐาน ทนายจำเลยได้แถลงต่อศาลถึงประเด็นของพยานจำเลยแต่ละปาก และศาลก็ได้บันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาในวันดังกล่าวไว้แล้ว ว่า “(จำเลย) ติดใจสืบพยาน 5 ปาก ตามบัญชีระบุพยานจำเลย อันดับ 1 คือจำเลย, อันดับ 2 เป็นสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเหตุ, อันดับ 3 เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงออกด้านสิทธิและเสรีภาพ, อันดับ 4 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่รู้ระเบียบเกี่ยวกับการควบคุมตัว และอันดับ 5 เป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ” 

อย่างไรก็ตาม ศาลได้ยกคำร้องการขอออกหมายเรียกด้วยเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ในพยานที่ขอออกหมายเรียกปากหนึ่งยังเป็นประจักษ์พยาน ซึ่งเห็นเหตุการณ์ในคดีนี้ แต่ศาลกลับระบุว่าไม่ได้แสดงเหตุผลและความจำเป็นของการออกหมายเรียกพยาน

ทั้งนี้ ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอหมายเรียกพยานจำเลยทั้งสองเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 ก.ย. 2566 ให้ศาลได้พิจารณาอนุญาตอีกครั้ง

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง 

อัยการราชบุรีสั่งฟ้อง “ป้าวันทนา” ผู้ถูกจับกุม-ปิดปาก ขณะรอพบ ‘ประยุทธ์’ ลงพื้นที่ ระบุไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ทําให้ประชาชนที่มารอรับตื่นตระหนกตกใจ-เดือดร้อน

X