วันที่ 22 เม.ย. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าติดตามคุกคามนักศึกษาและประชาชนถึงบ้านอย่างน้อย 2 ราย ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อขอไม่ให้ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีกำหนดการจะลงพื้นที่หาเสียง
.
ตำรวจ-อสม. ไปบ้านนักศึกษาผู้เคยร่วมชุมนุมปี 63 ระบุไม่อยากให้ออกจากบ้านช่วง “ลุงตู่” มาหาเสียง
สายธาร (นามสมมติ) นักศึกษาชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 9.00 น. ได้มีชายตัดผมสั้นเกรียนในชุดนอกเครื่องแบบ 1 คน ระบุว่าเป็นตำรวจ แต่ไม่ได้ระบุสังกัดว่ามาจากสถานีตำรวจไหน พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อีก 1 คน เดินทางมาที่บ้านของเขาในอำเภอเมืองอุตรดิตถ์
สายธารเล่าว่าตอนแรกเจ้าหน้าที่พบกับแม่ของตน แจ้งว่าจะมาขอพบกับสายธาร ตนจึงได้ออกไปพูดคุย โดยทางตำรวจได้ให้ อสม. พูดคุยเป็นหลัก เจ้าหน้าที่พยายามสอบถามว่าในวันนี้สายธารจะออกไปไหนหรือไม่ พร้อมบอกว่าไม่อยากให้ออกจากบ้านไปไหน เพราะ “ลุงตู่” จะมาหาเสียง ไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหว หรือออกไปชุมนุม ทางเจ้าหน้าที่กลัวว่าจะมีเรื่อง กลัวจะมีความรุนแรง จึงไม่อยากให้ออกไปไหน
เจ้าหน้าที่ยังสอบถามว่าสายธารรู้จักกับนักกิจกรรมอีกคนหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์หรือไม่ พร้อมกับพูดคุยกันถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน ระบุว่าสายธารมีประวัติเป็นผู้จัดกิจกรรมชุมนุมในจังหวัดอุตรดิตถ์เมื่อช่วงปี 2563
เจ้าหน้าที่ยังขอถ่ายรูปกับสายธาร และถ่ายรูปหน้าบ้านไป พร้อมบอกว่า “พี่ก็เข้าใจนะ ว่าเรามีความชอบอะไรไม่เหมือนกัน แต่พี่ก็มาตามหน้าที่ ทำตามหน้าที่” โดยตอนแรกเจ้าหน้าที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสายธารไปด้วย แต่เขาไม่ได้ให้ไป
สายธารระบุว่าเขาเคยเข้ากิจกรรมกับกลุ่มอุตรดิตถ์ปลดแอกในช่วงการชุมนุมของคนรุ่นใหม่เมื่อปี 2563 แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำกิจกรรมอีก เพราะอยู่ระหว่างเรียนเพื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย ก่อนหน้านี้สองสามปี ก็ไม่เคยมีตำรวจมาหาที่บ้านลักษณะนี้มาก่อนเลย มีเพียงญาติที่เป็น อสม. เคยมาเตือนๆ ว่าไม่อยากให้ไปชุมนุม แต่ไม่ได้มีตำรวจมาลักษณะนี้
“ผมรู้สึกไม่โอเคเลย ทั้งที่เราไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมานานแล้ว แล้วเจ้าหน้าที่มาบ้านผม ที่บ้านผม คนที่พูดคุยได้ ก็มีแค่ผมคนเดียว ตาอายุมากแล้ว แม่ไม่สามารถสื่อสารได้ แต่เขามาถึงบ้านผม ไม่ได้บอกกันก่อน ผมรู้สึกไม่โอเค” สายธารระบุ
.
ตำรวจไปพบญาติผู้ร่วมชุมนุมอุตรดิตถ์ปลดแอก อ้างเกรงจะไปก่อม็อบช่วงประยุทธ์มาหาเสียง
ประชาชนอีกรายหนึ่ง ได้แก่ กัมปนาท (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ทำงานภาคประชาสังคมด้านชุมชนและเยาวชน ระบุว่าในช่วงเช้าวันนี้เช่นกัน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปที่บ้านในอำเภอทองแสงขันของเขา โดยที่ตนไม่ได้อยู่ที่บ้าน และเจ้าหน้าที่ได้พบกับแม่และยายของเขาแทน
กัมปนาทระบุว่าเขาไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจในอำเภอหรือไม่ และเดินทางไปจำนวนเท่าไร เนื่องจากครอบครัวไม่ได้บันทึกภาพไว้ แต่ทราบว่าเจ้าหน้าที่มีการนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของแม่กับยายมาแสดงด้วย และมีข้อมูลของเขามา โดยระบุว่ามีชื่อของกัมปนาทเป็นผู้ที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่เพียงคนเดียวในอำเภอนี้ เจ้าหน้าที่จึงมาติดตาม
ตำรวจได้ระบุกับญาติว่า อยากมาพูดคุยกับกัมปนาท เพื่อไม่ให้ไปก่อม็อบ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมาหาเสียงในพื้นที่ จึงเกรงว่าจะมีคนไปเคลื่อนไหว แต่เมื่อไม่พบตัวเขา เจ้าหน้าที่จึงเดินทางกลับ โดยได้ถ่ายรูปบ้านและรูปครอบครัวของกัมปนาทไปด้วย
กัมปนาทเล่าว่าตั้งแต่การเคลื่อนไหวชุมนุมกับกลุ่มอุตรดิตถ์ปลดแอกช่วงปี 2563-64 เขาก็ไม่ได้ออกมาทำกิจกรรมอีก และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหาถึงที่บ้านแบบนี้ จึงไม่ทราบว่าเหตุใดตำรวจต้องมาหาในช่วงนี้
“สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกหวาดระวัง ว่าครอบครัวจะมีความไม่ปลอดภัย เพราะไม่ได้อยู่ที่บ้านด้วย ยายก็แก่แล้ว แม่ก็ไม่รู้เรื่องเท่าไร ผมไม่รู้ว่าเขามาหาเสียง แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับเรา เราไม่ได้เคลื่อนไหวมาเป็นปีแล้ว” กัมปนาทระบุ
.
จากการตรวจสอบ พบว่าในวันที่ 23 เม.ย. 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีกำหนดการจะลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดแพร่ ต่อเนื่องในวันเดียวกัน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะมาหาเสียงในจังหวัดอุตรดิตถ์หรือไม่
*ภาพแชทประกอบจากเพจ อุตรดิตถ์ปลดแอก
.