เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม จนถึงต้นเดือนเมษายน 2566 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม “มาย” ชัยพร, “แน็ค” ทัตพงศ์, “มาร์ค” ชนะดล และ “ธี” ถิรนัย สี่ผู้ต้องขังในคดีเกี่ยวกับการเมืองที่ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี
นอกจากทั้ง 4 รายข้างต้นแล้ว ขณะนี้ยังมีผู้ต้องขังคดีการเมืองระหว่างต่อสู้คดีอยู่อีก 4 ราย ได้แก่ “ต๊ะ” คทาธร, วุฒิ, หิน และหยก ซึ่ง 2 รายหลังนี้เป็นเยาวชน

มาย ชัยพร: ฝากความหวังได้มีอิสภาพไว้กับการเลือกตั้งครั้งใหม่

31 มี.ค. 2566 มายยังหวังว่าศาลจะมีความเป็นธรรมอยู่อยู่บ้าง เขาคิดว่าโทษจำคุก 6 ปี ก่อนลดเหลือ 3 ปี ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไว้นั้นเป็นโทษที่สูงเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับคดีอื่นๆ มายหวังว่าถ้ามีการเลือกตั้งจนได้รัฐบาลชุดใหม่ที่ดีกว่าเดิม เขาอาจจะมีโอกาสได้รับการประกันตัวออกไปใช้ชีวิตข้างนอกไม่มากก็น้อย
มายเริ่มปรับตัวได้ค่อนข้างดีแล้ว เขาแก้ปัญหาเรื่องห้องขังมีฝุ่นค่อนข้างเยอะด้วยการพยายามซักผ้าห่มให้บ่อยๆ ซึ่งก็ช่วยลดการเกิดผื่นคันไปได้บ้าง ก่อนหน้านี้มายแพ้ฝุ่นหนักจนมีผื่นขึ้นบริเวณใบหน้าด้วย มายต้องซื้อโฟมล้างหน้ามาทำความสะอาดบ่อยๆ ผื่นจึงค่อยๆ ลดลงและดีขึ้นตามลำดับ
ครั้งหนึ่งมายถูกเบิกตัวออกไปศาลกับ ‘ธี’ ถิรนัย เมื่อกลับมาถึงเรือนจำก็ถูกพาตัวให้ไปนอนอยู่ที่แดน 4 ก่อนจะถูกพากลับแดนเดิมในตอนเช้า “เหมือนอยู่รีสอร์ต ตอนเช้าก็กลับมานอนวัดเลยพี่ (หัวเราะ) แดน 4 พื้นปูกระเบื้องทั้งหมดเลย มีน้ำเย็นให้ด้วย สมแล้วที่เป็นแดนคนมีตังค์ …”
มายเล่าให้ฟังว่า “การอยู่ในเรือนจำเหมือนเป็นการเปิดโลกอีกโลกหนึ่ง ข้างในนั้นร้อยละ 90 เป็นนักโทษที่ทำความผิดซ้ำๆ เพราะเมื่อออกไปข้างนอกแล้ว สังคมไม่ได้ยอมรับพวกเขา สมัครงานก็ยาก ญาติก็ไม่มี เขาก็เลยทำความผิดซ้ำ เพื่อที่จะได้มาอยู่ในคุกอีก อย่างน้อยก็มีที่นอน มีข้าวกิน
“ผมเริ่มเปิดใจคุยกับผู้ต้องขังคนอื่นแล้ว มันก็ดีขึ้น”
“วันหนึ่งเรือนจำเปิด MV เพลงวง Black Pink ให้ผู้ต้องขังดู นักโทษทุกคนก็ถอดเสื้อนอน เห็นรอยสักเต็มตัวเลย แต่นั่งดูวง Black Pink ผมหลุดเลย นั่งขำอยู่คนเดียว, นักโทษบางคนถูกขังมานาน ไม่รู้จัก Black Pink ผมก็อธิบายว่าวงนี้เนี่ยเป็นวงเกาหลี เนื้อหาเพลงแปลเป็นไทยว่ายังไงบ้าง สมาชิกมีกี่คน หนึ่งในนั้นชื่อลิซ่าเป็นคนไทยด้วยนะ …”
มายทิ้งท้ายว่า
“อยู่ข้างในมันก็ลำบากแหละ แต่ถ้าคิดถึงคนที่ไม่มีจะกินข้างนอก ผมว่าเขาน่าจะลำบากกว่าผมเยอะ ที่ผมออกมาต่อสู้ก็เพื่อให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น …”

แน็ค ทัตพงศ์: ป่วยไอเป็นเลือด-ผื่นตุ่มน้ำขึ้นหลัง เผยเป็นแค่เฉพาะตอนถูกขังในเรือนจำ คาดเพราะสุขลักษณะที่ไม่ดี

แต่หลังจากนั้นไม่นานแน็คถูกขังเป็นครั้งที่ 2 หลังอัยการมีคำสั่งฟ้องคดี
23 มี.ค. 2566 แน็คมีสีหน้าดูดีขึ้น ไม่ได้ดูเครียดมากเหมือนครั้งก่อนที่มาเยี่ยม ระหว่างคุยแน็คมีอาการไอเป็นระยะ แน็คเริ่มมีอาการไอเป็นเลือดมาอาทิตย์กว่า เพิ่งมีอาการนี้ตอนเข้าเรือนจำครั้งนี้ ตอนอยู่ข้างนอกไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาคาดว่าอาจจะเกิดจากสาเหตุที่สุขลักษณะในเรือนจำไม่ค่อยดีนัก
ช่วงแรกๆ มีน้ำมูกและหายใจไม่ออก กลางคืนแน็คส่องกระจกเห็นจมูกข้างขวาของตัวเองบวม ข้างในมีก้อนเลือดกรัง นอกจากอาการไอเป็นเลือดแล้วแน็คยังมีเสมหะ คันคอจนนอนไม่หลับ เพราะไอทั้งคืน ทว่าแน็คไม่ได้แจ้งแพทย์ในเรือนจำแต่อย่างใด เพราะไม่อยากถูกพาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากหากออกรักษา กลับมาจะต้องถูก ‘กักตัว’ ใหม่อีกครั้งเป็นเวลา 10 วัน และระหว่างนั้นญาติจะไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้
“อยากออกไปจากเรือนจำก่อนเดือนเมษายน เพราะอยากออกไปเที่ยว อยากกลับบ้านที่โคราช ปีใหม่ถูกขังในคุกเลยไม่ได้ไปไหนเลย พอได้ปล่อยตัวแปปเดียวก็ต้องถูกขังอีก””
3 เม.ย. 2566 แน็คไม่มีอาการไอเป็นเลือดแล้ว เหลือเพียงแค่ตุ่มน้ำที่ขึ้นบริเวณแผ่นหลัง แต่อาการไม่รุนแรงมาก แน็คจึงไม่ได้แจ้งแพทย์หรือผู้คุมในเรือนจำ ผื่นคันลักษณะที่เป็นอยู่นี้ แน็คจะเป็นเฉพาะเวลาอยู่ในเรือนจำเท่านั้น ตอนที่เคยได้รับการปล่อยตัวออกไปช่วงหนึ่งผื่นก็หายไป แต่เมื่อต้องกลับเข้ามาในเรือนจำอีกก็เป็นผื่นคันลักษณะเดิมอีก
แน็คดูผ่อนคลายและเข้าใจทิศทางของคดีมากขึ้น “ถ้าได้ประกันออกไปหาหลักฐานสู้คดี ผมก็อยากสู้นะพี่ แต่พอมาอยู่ในนี้ มันทำอะไรไม่ได้”
เหตุผลหลักที่แน็คอยากได้สิทธิประกันตัว เพราะเร็วๆ นี้แฟนของแน็คกำลังจะเข้ารับปริญญา แน็คจึงอยากไปร่วมงานและไปช่วยจัดการธุระต่างๆ หลังแฟนเรียนจบ
“ผมไม่ได้กลับบ้านมา 2-3 เทศกาลแล้วนะพี่…” แน็คส่งท้ายด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

มาร์ค ชนะดล: ยังคงทำใจไม่ได้ พร้อมตั้งคำถามถึงคดีความอยู่เสมอว่าเป็นธรรมหรือไม่ที่ศาลสั่งขัง

“พี่อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งกันนะ …”
นี่คือประโยคแรกที่ชนะดลพูดกับเรา ด้วยเสียงสั่นเครือและแววตาสั่นระริก
“มาร์ค” ชนะดล (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ปัจจุบันประกอบอาชีพ ทำการเกษตรและค้าขายผลผลิตผัก อยู่ที่บ้านกับน้าและยาย อยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่ถูกดำเนินคดีนี้มาร์คบอกว่า เขาติดตามคดีความและไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและศาลตลอดทุกครั้ง ในวันที่อัยการสั่งฟ้อง มาร์คก็ไปตามนัดเหมือนทุกครั้ง
“แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่ได้ประกันตัว”
“สภาพจิตใจตอนนี้ไม่โอเคเลย ผมมารายงานตัวตลอด เขามาบอกว่าไม่ให้ประกันเพราะกลัวผมหนีได้ไง ทั้งๆ ที่ผมมารายงานตัวทุกครั้ง เขาเขียนเหตุผลนี้โดยที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกผมเลย
“ฝากบอกแม่ น้า ยาย ว่าผมอยู่ได้ ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่ส่งเงินมาให้ใช้ในเรือนจำ อยากให้ทุกคนกินให้อิ่มนอนให้หลับ ผมอยู่ได้ ผมเก่ง” มาร์คพูดด้วยเสียงสั่น
“ผมถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมประมาณ 3 ครั้งได้ ครั้งล่าสุดคือน่าจะเป็นวันที่ 7 มี.ค. 2566”
มาร์คนั่งรอพบทนายด้วยความเคร่งขรึม เขาบอกตัวเองมือสั่นไปหมดระหว่างรอทนายมาคุยด้วยถึงเรื่องการประกันตัว มาร์คเพิ่งรู้ว่า “กาย” กรรณภิรมย์ ได้ประกันตัวออกไปจากเรือนจำแล้ว
“ผมรู้สึกดีใจมากๆ ที่กายได้ประกัน แต่ก็รู้สึกดิ่งๆ นะ เพราะที่อยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะมีกายอยู่ด้วย พอกายออกไปแล้วผมก็รู้สึกเคว้ง” ระหว่างพูดมาร์คดมยาดมและเสียงสั่นตลอดเวลา

ภาพจากไข่แมวชีส
“นี่พี่เชื่อมั้ยว่ามือผมสั่นอยู่เลย ผมดีใจที่จะได้คุยกับพี่ การที่ทนายเข้ามาเยี่ยม มันทำให้ผมสบายใจขึ้น”
“เออ, แต่พี่ช่วยบอกที่บ้านหน่อยนะ ว่าอย่าเพิ่งมาเยี่ยมผมเลย ผมรับไม่ไหว ผมกลัวผมอยู่ไม่ได้”
“พอตกเย็นมา เห็นแสงแดดที่มันรำไร ผมก็คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ น้า ยาย น้องชาย ทุกคนในครอบครัวคือที่สุดของผมแล้ว ช่วงเย็นๆ ที่บ้านผมจะชอบคุยเล่นกัน” ถึงตรงนี้มาร์คน้ำตาไหลออกมา
“ผมไม่อยากร้องเลยพี่ มันดูอ่อนแอ พี่ๆ เจ้าหน้าที่ในเรือนจำบอกว่าผมไม่ควรอยู่ตรงนี้เลย น่าจะได้ประกันออกไปได้แล้ว พี่ๆ ให้กำลังใจบอกว่าผมเก่ง มันก็ปลอบผมได้ช่วงหนึ่ง แต่มันก็อดดิ่งไม่ได้ อยู่ตรงนี้มันน่าเบื่อ ผมพะวงกับที่บ้าน ตอนนี้เหมือนผมเป็นเสาหลักของครอบครัว กลัวแม่จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ”
“มันสมควรแล้วเหรอที่ผมต้องมาอยู่ตรงนี้ แค่ผมเห็นต่าง”
“การที่ศาลมีคำสั่งขังผมแบบนี้ มันไม่ความยุติธรรมกับผมเลย ผมควรจะได้ประกันตั้งแต่แรก มันไม่มีความยุติธรรมอยู่ตรงนี้ ที่ผ่านมา ผมมารายงานตัวตลอด”
“ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ผมไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไรเลยเหรอ”
“ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกจากใจของผมตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาเลย เหมือนเขาเอาผมมาตัดแขนตัดขาให้ผมทำอะไรไม่ได้ ถึงผมจะอายุแค่ 25 แต่ผมก็คิดได้นะ ผมไม่คิดอยากจะมีลูกเลย แค่คิดว่าลูกจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ผมก็รู้สึกแย่”
“ผมอยากขอโทษที่บ้านที่ทำให้เดือดร้อนและต้องคิดมากกัน ฝากบอกน้องผมว่าโตได้แล้ว ผมมาอยู่ในนี้ไม่นานก็จริง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับออกไปเมื่อไหร่”
ตลอดบทสนทนา มาร์คเสียงสั่นตลอด และร้องไห้เป็นระยะๆ
ล่าสุดมาร์คย้ายมาแดน 4 ห้อง 1 มีเพื่อนร่วมห้องอยู่ประมาณ 38 คน มาร์คทราบผลที่เขาไม่ได้ประกันอีกครั้ง เขาค่อนข้างรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
“คดีผมมันหนักหนาสาหัสอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ เมื่อไหร่เขาและครอบครัวจะเจอแบบที่ผมเจอบ้าง มันง่ายเกินไปมั้ย ไม่วิเคราะห์เรื่องที่ผมมารายงานตัวเลยเหรอ มันน่าน้อยใจมากนะพี่ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้ประกัน มันงง มันสับสนมากเลย หลายๆ คนที่อยู่แดนนี้ คดีแรงกว่าผม ตัวผมเองไม่มีพฤติการณ์จะไปทำอะไรหรือหลบหนีเลย น่าจะเอามาประกอบการพิจารณาให้ประกันตัวหน่อย”
“ตอนนี้ยังไม่อยากให้ครอบครัวมาเยี่ยม เพราะยังทำใจไม่ได้” ถึงตรงนี้มาร์คก็เหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง

7 เม.ย. 2566 มาร์คมีแววตาเศร้า ใบหน้าตอบลงอย่างเห็นได้ชัด มาร์คสอบถามเรื่องคดี และเรื่องการยื่นประกันตัวว่าจะเป็นยังไงต่อไป เขาอยากอ่านรายละเอียดเอกสารคดีของตัวเอง อยากรู้ว่าคดีนี้มันรุนแรงมากเลยหรือ
“ถึงผมจะรู้ว่ามันยาก แต่ผมก็ภาวนาให้ตัวเองได้ประกันตัวออกไปหาญาติ หาครอบครัวทุกวัน, พอมีพี่เข้ามา มันก็ใจชื้นว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว แค่ได้รับรู้เรื่องราวข้างนอกมันก็คลายเครียดไปได้เยอะ”
เราเล่าเรื่องที่ ‘ตะวัน’ และ ‘แบม’ ขึ้นไปรับรางวัล The People Awards 2023 รางวัลแห่งปีของสื่อออนไลน์ The People พร้อมกับพูดรายชื่อผู้ต้องขังทางการเมืองทั้งหมดที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้รวมถึงชื่อของมาร์คด้วย อีกทั้งบริเวณด้านหน้าศาลฎีกาก็ยังประชาชนจัดกิจกรรม ‘ยืน หยุด ขัง’ ให้ผู้ต้องขังทุกคนอยู่สม่ำเสมอ
เมื่อมาร์คได้ยินก็น้ำตาคลอ พร้อมกับถามย้ำซ้ำๆ ว่า “ตะวันและแบมอ่านชื่อผมจริงๆ เหรอพี่ ผมดีใจที่คนข้างนอกยังไม่ลืมผม ขอบคุณทุกคนมากๆ มันเป็นกำลังใจที่ทำให้ผมผ่านแต่ละวันไปได้ ขอบคุณมากๆ ครับ”
จนถึงวันที่ 11 เม.ย. 2566 หลังการยื่นประกันตัวอีกครั้ง ศาลยังคงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวมาร์ค ระบุว่ายังไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ธี – ถิรนัย: ผื่นขึ้นเต็มตัว ตาแดงบวม เพราะแพ้น้ำอาบในเรือนจำที่สกปรกจนขึ้นตะไคร่ พร้อมเผยฝันใหม่อยากสอบเข้า มธ.-จุฬาฯ ให้ได้

28 มี.ค. 2566 ธีอัพเดตอาการป่วยให้เราฟัง เขาบอกว่าเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ปรากฏว่ามีผื่นขึ้นเต็มตัวเลย ทั้งยังมีอาการตาแดงและบวมอีกด้วย เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงพาไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลฉุกเฉิน ก่อนได้รับการฉีดยา 1 เข็ม อาการจึงค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อมีนัดพบแพทย์อยู่อีก 1-2 ครั้ง
ช่วงนี้ธีอ่านหนังสือเกี่ยวกับกฎหมาย การเมืองการปกครอง เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์เยอะมาก เราจึงเอาหนังสือคำสอนว่าด้วยรัฐและหลักกฎหมายมหาชน ของวรเจตน์ ภาคีรัตน์ ให้ธีดู และบอกว่ากำลังจะส่งไปให้ ธีได้ยินแบบนั้นก็ทำท่าดีใจมาก

ธีถามย้ำว่า ‘จะได้เมื่อไหร่ พรุ่งนี้จะได้อ่านเลยไหม’ เขาสัญญาว่าจะตั้งใจอ่านอย่างดี นอกจากนี้ เขายังเล่าให้ฟังว่าในเรือนจำมีผู้ต้องขังคนหนึ่งที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มา ซึ่งมีท่าทีเป็นมิตร ธีเลยชอบเข้าไปนั่งคุยเรื่องการเมืองด้วย ทำให้ตอนนี้ธีมีอีกหนึ่งความฝันเข้ามาในชีวิตด้วย
“ออกไปผมจะอ่านหนังสือสอบเข้า มธ. กับจุฬา พี่คอยดูสิ, ผมอยากเรียนรัฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง” เขาพูดด้วยแววตามุ่งมั่น
ธีตื่นเต้นกับข่าวคราวภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชูวิทย์ หรือเรื่องการเคลื่อนไหวต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง เราเล่าให้ธีฟังว่าแต่ละพรรคมีนโยบาย มีจุดเด่นยังไงบ้าง
ธีฝากข้อความมาบอกคนข้างนอกว่า “เลือกให้ดีๆ นะ ผมอยากให้มองระยะยาว ไม่อยากให้มองระยะสั้น เรากำลังเลือกหัวหน้าประเทศ ถ้าเลือกไม่ดีมันจะกระทบกันหมด
“ผมห้ามความคิดใครไม่ได้หรอก แต่อยากให้เลือกดีๆ ถ้าเลือกไม่คิด วันหนึ่งคุณอาจจะต้องมาอยู่ในที่ๆ ผมอยู่ก็ได้”

5 เม.ย. 2566 ธีบอกว่ายังมีอาการแพ้น้ำอยู่ เพราะน้ำไม่สะอาดมีตะใคร่ปะปนอยู่ด้วย เมื่ออาบเสร็จแล้วก็จะรู้สึกคันมากๆ ตอนแรกที่บอกว่าหมอนัดตรวจ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เจอหมอเลย ยาที่เรือนจำให้มาก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ธีคิดว่าถ้าได้ยารักษาที่ตรงกับอาการที่เป็นอยู่ก็น่าจะดีขึ้นเร็วกว่านี้
ในเรือนจำอากาศร้อนมาก ธีคิดถึงห้องแอร์ที่บ้าน ช่วงนี้เขาต้องอาบน้ำวันละ 4-5 รอบ แดน 5 มีกิจกรรมสรงน้ำพระ ซึ่งธีได้ร่วมสรงน้ำพระก่อนจะออกมาพบกับเรา ธีพูดตัดพ้อถึงชีวิตในเรือนจำว่าน่าเบื่อ ทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำๆ ทุกวัน
“ผมมาคิดว่าผมผิดอะไร ถ้ารัฐบาลดี คนคิดต่างก็คงไม่ติดคุก ผมคงได้ไปเรียนต่อ …”
หนังสือที่ธีอ่านอยู่ตอนนี้ คือ ‘ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน’ ของวินทร์ เลียววาริณ เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์การเมืองเก่าๆ อย่างการทำรัฐประหารของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ไล่มาจนถึงสมัยของจอมพลถนอม กิตติขจร “ทั้งแดนมีแต่ผมที่อ่านหนังสือกฎหมายกับการเมือง (หัวเราะ) ผู้ใหญ่กับผู้คุมในเรือนจำก็ชมกัน”
“ผมได้หนังสือที่ทนายส่งมาให้เมื่อเช้าแล้ว ขอบคุณมาก, ผมจะตั้งใจอ่านให้ดีเลย” ธีพูดพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ
10 เม.ย. 2566 วันนี้พอมาถึง มายเปิดเสื้อธีขึ้นเพื่อให้เราดูผื่นที่ขึ้นตรงไหล่ด้านหลังของธี เราเห็นตุ่มน้ำ ผื่นแดงเต็มไปหมด ธีเล่าให้ฟังว่า “มีผื่นแบบนี้เต็มหลังเลยพี่ ตอนอาบน้ำจะคันมากๆ เมื่อวันเสาร์ผมอาบน้ำเสร็จก็ตาแดง ผื่นขึ้นเยอะ ก็เลยได้ออกไปหาหมอฉุกเฉิน ฉีดยา 1 เข็ม หมอบอกว่าเกิดจากการแพ้น้ำ ให้ใช้สบู่เด็กอาบน้ำแทน แต่ในนี้ไม่มี ผมจะไปหาสบู่เด็กจากไหนล่ะพี่” ธีพูดอย่างกังวลใจ
“ผมอยากกลับบ้าน คิดถึงบ้านมากๆ อยากออกไปเรียนหนังสือ ตอนนี้อยากเรียนกฎหมายอาญากับกฎหมายปกครองมากๆ ผมอ่านหนังสือของอาจารย์วรเจตน์ได้ 5 บทแล้ว อาจารย์สรุปดีมาก คนในแดนไม่อ่านกันหรอก เขาว่ามันหนักไป” ธีพูดเสร็จก็หัวเราะเบาๆ
“สิ่งที่กระบวนการยุติธรรมทำกับผมในชีวิตจริง มันไม่เหมือนในหนังสือหรือตำราที่เคยอ่านเลยนะ ผมหวังว่า ผมจะได้ออกจากเรือนจำหลังเลือกตั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะออกไปยังไง”
“ก่อนเข้าเรือนจำ ผมไปสมัครเรียน ปวส.ไว้ด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องมาอยู่ในนี้” พูดเสร็จธีก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และเราก็ร่ำลากัน พร้อมพูดอวยพรให้มีความสุขวันช่วงเทศกาลสงกรานต์ แม้ธีจะไม่ได้กลับบ้านก็ตาม
