เพื่อนผู้ต้องขังอดอาหารเป็นเพื่อน “สิทธิโชค” แล้ว 1 คน ยัน “สิทธิประกันตัว-ต่อสู้คดีเป็นธรรม” คือข้อเรียกร้องเพื่อทุกคน  

เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2566 ทนายความได้เดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม “สิทธิโชค เศรษฐเศวต” หรือ “แท็ค” ไรเดอร์ส่งอาหารวัย 26 ปี ซึ่งถูกขังระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 

สิทธิโชคได้เริ่มต้นอดอาหารประท้วงมาตั้งแต่วันแรกที่ถูกคุมขัง ในวันที่ 17 ม.ค. 2566 จากนั้นได้ยกระดับอดน้ำร่วมด้วยมาตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 2566 เป็นต้นมา ซึ่งจนถึงวันนี้เป็นวันที่ 14 ของการอดอาหาร และเป็นวันที่ 5 ของการอดน้ำแล้ว 

วันนี้สิทธิโชคถูกเบิกตัวมาพูดคุยกับทนายที่ห้องสอบสวนของเรือนจำ พร้อมกับ “เก็ท-โสภณ” เช่นเดียวกับครั้งก่อน สิทธิโชคบอกว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ม.ค.) ระหว่างที่สิทธิโชคเข้าพบทนาย มีคนในเรือนจำเซ็นชื่อผิดไปเซ็นชื่อแทนสิทธิโชค ทั้งๆ ที่สิทธิโชคยังคุยกับทนายไม่เสร็จ ทำให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควานหาตัวเขาว่าอยู่ที่ไหน 

สิทธิโชคเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์นั้นว่า “เจ้าหน้าที่ประมาณ 30-40 คน ตามหาผมทั่วแดนเลย น่าจะไปตามหาที่แดนอื่นด้วยมั้ง เรียกทุกคนในแดน 2 ออกมานั่งข้างนอก รื้อค้นห้องขังผมทุกซอกทุกมุม เพื่อดูว่าผมกินยานอนหลับไหม หรือไปฆ่าตัวตายที่ไหนรึเปล่า” 

สิทธิโชคเห็นภาพวันที่ศาลอ่านคำพิพากษาทั้งตอนตื่น-หลับฝัน ด้านจิตแพทย์วินิจฉัยเป็นอาการทางจิต 

สิทธิโชคเล่าว่าทุกครั้งที่หลับตา หรือนอนฝันมักจะเห็นภาพตัวเองยืนอยู่หน้าบัลลังก์ มีผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษา คล้ายกับเหตุการณ์ในวันที่ศาลอาญาอ่านพิพากษาในคดีนี้ สิทธิโชคบอกว่าเขารู้สึกยอมรับกับคำพิพากษาดังกล่าวไม่ได้ เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนผิดอย่างที่ถูกกล่าวหา ภาวะดังกล่าวที่สิทธิโชคเผชิญอยู่จิตแพทย์ในเรือนจำได้วินิจฉัยว่า เขามีอาการทางจิตจึงได้จ่ายยาหลับนอนให้ทานเพื่อบรรเทาอาการ สิทธิโชคเล่าว่าตั้งแต่นั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะพยายามให้เขาทานยานอนหลับทุกๆ คืน แม้ว่าเขาจะไม่อยากกิน ก็จะถูกบังคับตลอด 

จากการอดอาหารและน้ำประท้วงมาเป็นเวลาหลายวัน เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ม.ค.) สิทธิโชคมีอาการจุกเสียดหน้าอกอย่างรุนแรง แต่ไม่นานอาการก็บรรเทาลง จึงไม่ได้ไปพบหมอที่สถานพยาบาลของเรือนจำ 

ขณะเข้าพบทนายความสิทธิโชคมีอาการปวดท้อง วิงเวียนศีรษะบ่อยครั้ง รู้สึกอ่อนเพลีย ปากแห้งมาก ร่างกายดูซูบผอม โดยตอนนี้น้ำหนักตัวของสิทธิโชคลดลงไปแล้วประมาณ 6-7 กิโลกรัม ระหว่างพูดคุยกันเขายังอ่อนเพลียจนฟุบหลับไปกับโต๊ะหลายครั้ง บางทีสิทธิโชคก็เอามือกุมจับท้องไว้ เนื่องจากรู้สึกปวดท้องมาก อย่างไรก็ตาม ระหว่างการอดอาหารและน้ำนี้เขายังคงพยายามออกกำลังกายด้วยการใช้แรงเบาๆ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย 

เพื่อนผู้ต้องขังให้กำลังใจ 1 คนร่วมอดอาหารประท้วงด้วยแล้ว อีกหลายคนกำลังตัดสินใจ

สิทธิโชคเล่าให้ฟังว่า ช่วงแรกๆ ของการอดอาหาร ทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเพื่อนๆ ในเรือนจำมักจะเข้ามาถามไถ่ในลักษณะเกลี้ยกล่อมให้ยุติการอดอาหารประท้วง แต่เขาก็จะพยายามอธิบายให้ทุกคนฟังว่า การอดอาหารครั้งนี้ก็เพื่อตั้งใจเรียกร้องให้มีการยกเลิกระบบกล่าวหา และพยายามเล่าให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวสิทธิโชคเองว่าไม่เป็นธรรมอย่างไรบ้าง

“มีคนถามผมว่าอดอาหารแบบนี้จะทำอะไรได้ มันจะได้ผลอะไรเหรอ, ผมตอบกลับเขาว่า ทุกๆ การกระทำของเรา ไม่ว่าจะอยู่ข้างนอกหรือข้างในมันมีผลตามมาเสมอ อยู่ข้างในก็มีผลกับผู้คุม เจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาลและเพื่อนๆ ผู้ต้องขังด้วยกัน”

เมื่อหลายคนเข้าใจสถานการณ์ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับสิทธิโชคและต่อตัวพวกเขาเองมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็ให้กำลังใจ หลายคนยังบอกอีกว่า “ถ้าไม่ไหวก็บอกกันได้เสมอนะ” 

สิทธิโชคเชื่อว่าหลายคนรู้ดีถึงความตั้งใจของเขาว่าไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเองเพียงคนเดียว แต่เขาต่อสู้เพื่อสิทธิประกันตัวของทุกคนในเรือนจำ ทุกคนในประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามพวกเขาก็ควรได้รับสิทธิประกันตัวอย่างเป็นธรรม 

“ผมอยากออกไปเดินเรื่อง หรือยื่นหนังสือเองด้วยซ้ำ ถ้าได้ออกไปนะ อย่างน้อยๆ ทุกคนก็ควรมีสิทธิที่จะสู้”

“ผมมีความสุขกับการช่วยเหลือคนเสมอ ที่ผมอดน้ำอดอาหารก็เพื่อทุกคน เพราะผมอยากให้ทุกคนได้ออกไปสู้คดีอย่างเต็มที่ อยากให้ทุกคนในเรือนจำได้รับความยุติธรรม ต่อให้ตอนนั้นจะไม่มีใครจำชื่อผมได้ ผมก็มีความสุขแล้ว”

“ตอนนี้ผมมีแนวร่วมมากขึ้นนะ อยู่ในเรือนจำผมเป็นช่างตัดผม ใครเข้ามาตัดผมกับผม ผมก็จะชวนเขาคุยด้วย จนหลายคนเริ่มรู้สึกตระหนักกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองแล้วว่ามันก็มีเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมอยู่เหมือนกัน”

“ไม่ใช่แค่นักโทษทางการเมือง นักโทษที่เข้ามาใหม่ หรือเพื่อนร่วมห้องก็มาคุยกับผม พวกเขาอยากกอดผม พวกเขาเองก็อยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองเหมือนกัน ไม่ใช่แค่คนไทยนะ มีชาวสิงคโปร์ ชาวมาเลเซียด้วย ตอนนี้มีเพื่อนๆ ประมาณ 6-7 คน เขารู้สึกว่าอยากอดอาหารประท้วงไปด้วยกัน” 

“อย่างคนสิงคโปร์เขามาอยู่ประเทศไทยนานแล้ว คนที่รู้ความจริงทั้งหมดมีแค่เขาคนเดียว แต่เขาออกไปสู้คดีไม่ได้ มีน้องคนนึง อายุแค่ 18 เอง เขาโดนคดีปล้นทรัพย์ น้องเริ่มอดอาหารประท้วงมา 2 วันแล้ว ผมก็เพิ่งรู้ตอนน้องมาตัดผมกับผม แล้วน้องก็ร้องไห้ ผมก็เลยเริ่มชวนคุย” 

“น้องเล่าให้ฟังว่าเขากินอะไรไม่ลงเลย เขาอยากอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัว ผมก็บอกว่าไม่ต้องเอาผมเป็นตัวอย่างนะ แต่น้องบอกว่าน้องอยากทำเอง เพราะน้องรับไม่ได้กับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น”

สิทธิโชคแสดงความเป็นห่วงถึง “ตะวัน-แบม” ถ้ามีโอกาสอยากเจอตัวจริงทั้งสอง

“ผมเล่าเรื่องแบมกับตะวันให้ทุกคนในแดน 2 ฟัง ทั้งผู้คุมและผู้ต้องขัง ส่วนใหญ่จะรู้สึกสลดและหดหู่กัน พวกเขาฝากกำลังใจมาให้ทุกคน ไม่อยากให้น้องเป็นอะไร” จากนั้นสิทธิโชคได้สอบถามอาการของแบมและตะวันต่อด้วยความเป็นห่วง และเพื่อที่จะเอาไปอัพเดทให้เพื่อนในเรือนจำได้ฟังด้วย

หลังการอัพเดทอาการล่าสุดของแบมและตะวันให้ฟัง เขานั่งนิ่งก่อนจะร้องไห้ออกมา เขาปาดน้ำตาพลางพูดว่า “ผมเคยเห็นน้องสองคนแค่ในข่าว ผมภาวนาว่าถ้าผมได้ประกันวันนี้ พรุ่งนี้ ผมจะขอไปเยี่ยมพวกเขา ผมอยากเจอเขาตัวเป็นๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทันรึเปล่า 

“ผมนับวันตลอด ตอนนี้มันเกินขีดจำกัดที่คนจะทนได้แล้วพี่” สิทธิโชคเริ่มร้องไห้อีก 

“ถึงเราจะไม่รู้จักกัน แต่เรามีอุดมการณ์เดียวกัน มันไม่ควรมีใครมาอยู่ตรงนี้ ประเทศที่คนออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเองแล้วโดนคดี มันก็แค่ประเทศเผด็จการในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้นแหละ ผมเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ เพราะมันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนในประเทศอยู่แล้ว”

ทั้งนี้ สิทธิโชคถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี 4 เดือน ในคดีข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการถูกกล่าวหานำของเหลวคล้ายว่าเป็นน้ำมันไปฉีดพ่นใส่กองเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บริเวณฐานพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี บริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินนอก แยกผ่านฟ้าลีลาศ ระหว่างการชุมนุม #ม็อบ18กรกฎา2564 และถูกคุมขังเรื่อยมาโดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัว 

X