ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษชนได้รับแจ้งกรณี “อาย” กันต์ฤทัย คล้ายอ่อน อายุ 30 ปี ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ จำนวนกว่า 6 นาย ระบุเป็นเจ้าหน้าที่สายสืบจาก สน.ลาดพร้าว เข้าตรวจค้นห้องพักพร้อมกับยึดอุปกรณ์สื่อสาร รวมทั้งสอบถามข้อมูลสมุดบัญชีธนาคาร
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเผยด้วยว่าก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เคยได้รับจดหมายข่มขู่เป็นจำนวน 2 ฉบับ
นคบ. 6 นาย ระบุเป็นสายสืบ สน.ลาดพร้าว บุกค้นห้อง-ยึดอุปกรณ์สื่อสาร
เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 ช่วงเวลา 09:50 น. โดยประมาณ ได้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่น้อยกว่า 6 นาย เข้ามายังที่พักอาศัยของกันต์ฤทัย พร้อมแสดงหมายค้น ซึ่งเจ้าหน้ากลุ่มดังกล่าวได้แสดงหมายให้ดูก่อนจะยึดโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และสอบถามข้อมูลสมุดบัญชีธนาคารของกันต์ฤทัยไป
หมายค้นดังกล่าวพบว่าออกโดยศาลอาญา ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2565 โดยมี พ.ต.ท.อัสนี ตระกูลฐิติทรัพย์ สารวัตรสืบสวนจาก สน.ลาดพร้าว เป็นผู้ร้องขอออกหมาย เพื่อพบและยึดสิ่งของ นั่นคือโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใช้ในการโพสต์ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว และสมุดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิด โดยให้ พ.ต.ท.สิโณทัย ลิลิตธรรม, พ.ต.ท.อัสนี ตระกูลฐิติทรัพย์ และ พ.ต.ท.แทน ไชยแสง พร้อมพวก เป็นผู้มีอำนาจตรวจค้น
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กันต์ฤทัยรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงกระทำการในลักษณะที่เรียกได้ว่า “บุก” มาเช่นนี้ ทั้งที่ตนเองยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีใดๆ และยังไม่ทราบว่าอาจจะถูกกล่าวหาในเรื่องใด หรือข้อหาใด เนื่องจากตำรวจไม่ได้มีการแจ้งไว้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2565 เธอเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจำนวน 8 นาย ล่อลงออกมาจากห้องพัก อ้างว่าได้โพสต์เฟซบุ๊กเข้าข่ายตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ต้องการเจรจาตกลงไม่ให้โพสต์ลักษณะเช่นนี้อีกและต้องการให้ปิดบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวดังกล่าวไป ก่อนตำรวจจะพาตัวเธอไป สน.ลาดพร้าว แต่สุดท้ายหลังถึง ตำรวจได้ทิ้งเธอไว้และขับรถหนีออกไป เธอจึงลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไว้ที่ สน.ลาดพร้าว
ได้รับจดหมายข่มขู่ 2 ฉบับ หนึ่งในนั้นกล่าวพาดพิงถึงบุพการี
กันต์ฤทัยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเธอยังได้รับจดหมายข่มขู่ถึง 2 ฉบับ ส่งมาที่บ้าน โดยฉบับแรกได้รับเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2565 และอีกฉบับหนึ่งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2565
เนื้อหาของจดหมายทั้งสองฉบับมีลักษณะเดียวกัน โดยเป็นภาพของเจ้าตัวขณะทำกิจกรรมอยู่ในม็อบ แต่ไม่ได้ระบุสถานที่หรือวันเวลาที่ทำกิจกรรมไว้อย่างชัดเจน โดยเป็นภาพในลักษณะแอบถ่าย พร้อมกับมีการพิมพ์ข้อความกล่าวโทษไว้ รวมทั้งกล่าวพาดพิงบุพการีทำนองว่า “ให้สั่งสอนลูกด้วย เดี๋ยวได้ส่งข้าวให้ลูกในคุก”
เธอยังไม่ทราบว่าใครเป็นส่งจดหมายดังกล่าวมา และไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุที่เจ้าหน้าที่มาติดตามตรวจค้นเธอสองครั้งที่ผ่านมาหรือไม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง