21 ต.ค. 63 เวลา 11.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เดินทางเข้าไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ซึ่งถูกขังในระหว่างสอบสวนในคดี #คณะราษฎรอีสาน และชุมนุม #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร มาตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. 63 หลังถูกสลายการชุมนุมที่หน้าแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถูกจับกุมไป บก.ตชด. เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 63
พ.ต.ท.สุพรรณ สุขพิไลกุล รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น ได้แจ้งจตุภัทร์ถึงการกระทำที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 63 จตุภัทร์ได้ชักชวนประชาชนทั่วไปผ่านสื่อโซเชียลให้เข้าร่วมกิจกรรม “จัดม็อบไล่แม่งเลย” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจังหวัดขอนแก่น ซึ่งต่อมาได้มีนักศึกษานักเรียนและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมการชุมนุมเป็นจำนวนมากโดยผู้ต้องหาเป็นแกนนำไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ covid-19 ในการชุมนุมมีพริษฐ์ ชิวารักษ์ กล่าวปราศรัยพาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์ซึ่งในขณะนั้นผู้ต้องหาอยู่ด้วยกัน
ต่อมาวันที่ 10 ก.ย. 63 ผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาอื่นก่อนหน้านี้ได้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ได้ร่วมกันชักชวนประชาชนผ่านทางสื่อโซเชียลให้เข้าร่วมกิจกรรม “หมายที่ไหนม็อบที่นั่น” โดยกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ไปตามถนนในเขตเทศบาลนครขอนแก่นจนถึงลานหน้า สภ. เมืองขอนแก่น โดยในการเดินขบวนมีการจัดทำและถือแผ่นป้ายข้อความพาดพิงสถาบันกษัตริย์ มีการกล่าวปราศรัยให้รัฐบาลลาออก และมีการนำแผ่นป้ายดังกล่าวมาเปิดเวทีปราศรัยและทำการไลฟ์สดให้เป็นที่ปรากฏต่อประชาชน โดยในการเดินขบวนมีลักษณะปิดเส้นทาง ประชาชนโดยทั่วไปไม่สามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ มีการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้ขออนุญาต และผู้ต้องหาไม่ได้แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง
พ.ต.ท.สุพรรณแจ้งข้อกล่าวหาจตุภัทร์รวม 6 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบ (ม.116), ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมมีโอกาสติดต่อสัมพันธ์กันง่าย ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ), ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุม (พ.ร.บ.ชุมนุมฯ), ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ) และร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร (พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ)
จตุภัทร์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่เซ็นชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว
คดีนี้นับเป็นคดีที่ 9 ของจตุภัทร์ และเป็นคดีที่ 4 ที่เกิดจากการชุมนุมของประชาชนนับตั้งแต่ #เยาวชนปลดแอก เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยนอกจาก 2 คดีที่ถูกขังในระหว่างสอบสวนดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีคดีจากการชุมนุม #อีสานบ่ย่านเด้อ ของ สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งศาลแขวงขอนแก่นให้ประกันตัว