จับกุม! “ตะวัน” ขณะเข้าใกล้รั้วพระบรมมหาราชวัง หวังแสดงผลโพล #ยกเลิก112 รัดข้อมือ-ไม่ให้เพื่อนพบ ก่อนปรับฐานขัดคำสั่ง จพง. 5,000 บาท

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2565 เวลา 16.00 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบได้เข้าจับกุมทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน” นักกิจกรรมหญิง อายุ 20 ปี ที่บริเวณข้างกระทรวงกลาโหม ขณะพยายามเข้าไปใกล้กำแพงพระบรมมหาราชวังเพื่อแสดงริบบิ้นสีแดง-น้ำเงิน ซึ่งเป็นผลจากการทำกิจกรรมสำรวจโพลความคิดเห็น #ยกเลิกมาตรา112 บนรถไฟฟ้า BTS และ MRT 

ทั้งนี้ ตะวันได้เริ่มทำกิจกรรมตั้งแต่จุดนัดหมายที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยขึ้นรถไฟฟ้า BTS ถือริบบิ้นสีแดงและสีน้ำเงินให้ผู้โดยสารเลือก หากเห็นว่าควรยกเลิกมาตรา 112 ให้ใช้ริบบิ้นสีแดงผูกเข้ากับเสาหรือราวจับบนรถ ส่วนผู้ที่สนับสนุนมาตรา 112 ให้ใช้ริบบิ้นสีน้ำเงินผูกแทน ตะวันทำกิจกรรมกระทั่งลง BTS ที่สถานีอโศก ต่อ MRT ไปลงสถานีสนามไชย และมุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวัง ตั้งใจจะนำริบบิ้นที่เหลือ ซึ่งมีสีแดงไม่กี่เส้น ขณะมีริบบิ้นสีน้ำเงินเหลือจำนวนมาก ไปแสดงให้ใกล้กำแพงพระบรมมหาราชวังให้มากที่สุด แต่ถูกจับกุมเสียก่อนโดย คฝ.หญิง 5 นาย เข้าอุ้มตัวขึ้นรถตู้ สน.พระราชวัง 

หลังถูกจับกุม ตะวันถูกยึดโทรศัพท์และรัดข้อมือไพล่หลังด้วยสายเคเบิลไทร์ นำตัวไปที่ สน.สำราญราษฎร์ โดยขณะอยู่บนรถเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตอบคำถามตะวันได้ว่า เธอผิดกฎหมายข้อไหน และเมื่อตะวันขอใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาเพื่อนและทนายก็ไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้ เมื่อถึง สน.สำราญราษฎร์ ตำรวจไม่อนุญาตให้ผู้ไว้วางใจเข้าไปพบตะวัน แม้ว่าหลังการเจรจาตำรวจจะยอมให้เพื่อน 2 คน เข้าไปใน สน. ได้ แต่เวลาต่อมา เพื่อนของตะวันได้ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ตำรวจยังไม่ให้เข้าไปพบตะวันในห้อง โดยแจ้งกับทั้งสองเพียงว่า จะรอให้พนักงานสอบสวนมาถึงก่อนจึงให้เข้าพบตะวันพร้อมกัน ในขณะเดียวกันก็มี คฝ.หญิงอีกหลายนายเข้ามาควบคุมสถานการณ์เพิ่ม รวมถึงมีการกั้นแผงเหล็กบริเวณทางเข้า สน. อีกด้วย 

เหตุการณ์ตอนถูกจับกุมจากสำนักข่าวราษฎร (2) Facebook Live | Facebook

ตร. แจ้งข้อหา “ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงาน” ก่อนเปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท 

สำหรับบันทึกจับกุมในคดีนี้ ระบุว่าการจับกุมอยู่ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต. สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผู้บังคับการกองตำรวจนครบาล 6 โดยมีจุดจับกุมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6, สน.พระราชวัง และกองกำลังควบคุมฝูงชน รวมทั้งสิ้น 5 นาย 

พฤติการณ์การจับกุมระบุโดยสรุปว่า ตะวันได้ถ่ายทอดสดวิดีโอ “ตะวันชวนทําโพลยกเลิก 112 บน BTS MRT” จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. ตะวันได้เดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT จากสถานีสุขุมวิท มาที่สถานี สนามไชย โดยได้พยายามเดินไปที่บริเวณพระบรมมหาราชวังเพื่อทํากิจกรรมตะวันชวนทําโพลยกเลิก 112 โดยเดินมาตามถนนบํารุงเมืองมุ่งหน้าถนนอัษฎางค์ 

ต่อมา เมื่อตะวันเดินมาถึงบริเวณเชิงสะพานช้างโรงสี ถนนอัษฎางค์ ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายก่อนเข้าเขต 150 ม. รอบเขตพระราชฐาน เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้วางแผงเหล็กกันเพื่อไม่ให้เข้าไปจัดกิจกรรมรอบเขตพระราชฐาน 

พ.ต.ท.สุรยุทธ ไขแสงจันทร์ สารวัตรปราบปราม สน.พระราชวัง ได้ประกาศให้ทราบว่า “ตํารวจมีหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย 2560 มาตรา 4 และ 6 รวมถึง พ.ร.บ.ตํารวจแห่งชาติ 2547 มาตรา 4 ในการรักษาความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนเขตพระราชฐานหรือที่ประทับ, ป้องกันการกระทําความผิดอาญา, รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง การปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าวและประกาศคําสั่งให้กลุ่มผู้จัดกิจกรรมตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง ห้ามมิให้เข้าพื้นที่ที่กําหนด” 

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมอ้างว่า เมื่อตะวันทราบคําสั่งของเจ้าหน้าที่ตํารวจที่สั่งการตามอํานาจหน้าที่ที่กฎหมายให้อํานาจไว้แล้ว กลับมีท่าทีคุกคาม ไม่สนใจคําสั่งเจ้าพนักงาน แล้วพยายามดันฝ่าแผงเหล็กกั้น ก่อนจะลอดรั้วแผงเหล็กกั้นเข้ามา แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกจับกุมไม่ปฏิบัติตามคําสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุอันควร 

พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งตะวัน 1 ข้อหา “ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368

ในชั้นจับกุม ตะวันให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยหลังเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจัดทําบันทึกที่ห้องสืบสวน สน.สําราญราษฎร์ เสร็จสิ้นแล้ว ได้นําตัวตะวันส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ต่อมา ตำรวจได้เปรียบเทียบปรับตะวัน เป็นเงิน 5,000 บาท ซึ่งเป็นอัตราค่าปรับสูงสุด สำหรับข้อหา ‘ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน’ โดยตะวันได้ถูกควบคุมตัวไว้นาน 3 ชม. ข้อมือมีรอยช้ำจากการถูกรัดด้วยเคเบิลไทร์ ก่อนได้รับการปล่อยตัวเมื่อเวลา 19.00 น. 

ตะวันได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับการปล่อยตัวว่า “เรามีแค่ริบบิ้น 2 สี เราไม่สามารถสร้างความไม่ปลอดภัยอะไรได้อยู่แล้ว และเราก็ยืนยันว่า เราไม่ได้ต้องการที่จะสร้างเหตุรุนแรงอะไรเลย เราแค่ต้องการแสดงให้เห็นว่า มีคนจำนวนมากจริงๆ ที่ต้องการยกเลิก 112 และมีการปิดกั้นจากรัฐบาลในการเข้าไปลงชื่อออนไลน์ในเว็บไซต์” 

X