12 ก.พ. 2565 ประมาณ 22.00 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งจาก ณัฐกร หรือ “บีม” นักกิจกรรมเยาวชน อายุ 18 ปี ว่า เวลาประมาณ 20.30 น. มีชายแต่งกายด้วยเสื้อยืด กางเกงกีฬาขาสั้น ตัดผมสั้นเกรียนมาที่คอนโดที่บีมและครอบครัวพักอาศัยอยู่ โดยได้มายืนเฝ้าที่ประตูหน้าห้องพักของเขาอยู่พักใหญ่ และเมื่อบีมออกจากห้องมาสอบถามว่า มาทำอะไร ชายคนดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อภายหลังคือ ดาบตำรวจบรรจง (ไม่ทราบนามสกุล) ก็ให้คำตอบในตอนแรกว่ามาหาเพื่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนคำตอบใหม่ในภายหลังว่า เป็นตำรวจสายสืบจาก สน.ทองหล่อ ที่สันติบาลส่งมายังที่พักของบีมเพื่อให้ดูแลความปลอดภัย
ทั้งนี้ เมื่อเยาวชนนักกิจกรรมถามถึงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานหรือเอกสารแสดงตัวอื่นๆ ดาบตำรวจคนดังกล่าวก็ตอบว่า ไม่ได้พกมา เนื่องจากเขาเพิ่งกลับมาจากเตะฟุตบอล
ดาบตำรวจอ้างมาหาถึงที่พักในยามวิกาลไม่ใช่การคุกคาม
บีมได้ถามดาบตำรวจคนดังกล่าวต่ออีกว่า ที่บอกว่ามาดูแลความปลอดภัยนั้นคือความปลอดภัยในเรื่องใด และทำไมต้องมาดูแล พร้อมกับระบุว่า ที่ตำรวจกำลังทำอยู่ ณ เวลานี้ คือการคุกคามเขาและครอบครัว ซึ่งทางดาบตำรวจบรรจงก็ได้ตอบเขาว่า เหตุที่ต้องมาก็ดูแลความเรียบร้อยให้ตอนนี้เพราะมันมีหลายฝ่าย ไม่ได้มีแค่ฝ่ายของน้อง (บีม) แค่ฝ่ายเดียว และที่มานี่ก็ไม่ใช่การคุกคาม เพราะว่ายังไม่ได้ทำอะไรอื่นเลยนอกจากมาหา รวมถึงการที่ขึ้นมาถึงหน้าห้องพักของบีมได้ก็เพราะว่าขออนุญาตจากยามประจำคอนโดเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ดาบตำรวจบรรจงยังพูดย้ำอยู่หลายครั้งด้วยกันว่า หากบีมไม่พอใจหรือมีข้อสงสัยต่อการมาหาของเขาในครั้งนี้ หรือจะในครั้งก่อนหน้านี้ก็ตาม ให้บีมไปที่ สน. ทองหล่อ ซึ่งอาจพิจารณาได้ว่าเป็นการพยายามโน้มน้าวให้เยาวชนนักกิจกรรมเดินทางไปพบที่ สน.ทองหล่อ อีกทั้งยังกล่าวด้วยว่า การที่ตำรวจนอกเครื่องแบบออกไปเยี่ยมบ้านนักกิจกรรม เช่น บีม รวมถึงนักกิจกรรมคนอื่นๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาคนั้นคือความหวังดีไม่ใช่การคุกคาม
สำหรับบีมแล้วนี่ไม่ใช่การถูกคุกคามครั้งแรกของเขา เพราะในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ปรากฏว่ามีการคุกคามนักกิจกรรมจำนวนมากในหลายพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบนั้น บีมเองก็เป็นหนึ่งในเยาวชนนักกิจกรรมที่ถูกคุกคามด้วยเช่นกัน โดยมีกลุ่มชายไม่แต่งเครื่องแบบ อ้างเป็นตำรวจ มาที่คอนโดประมาณ 2-3 ครั้ง และสอบถามครอบครัวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเขาในช่วงระยะนี้
ในแต่ละครั้ง บีมได้บอกเล่าเรื่องราวการถูกคุกคาม และลักษณะการคุกคามของตำรวจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และในครั้งนี้เขาก็ได้ไลฟ์สดในขณะเข้าพูดคุยสอบถามถึงเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมาถึงหน้าห้องพักของเขาไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเหตุการณ์ครั้งนี้ บีมได้กล่าวกับศูนย์ทนายฯ ว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบสามารถเข้าไปถึงหน้าห้องพักของเขาได้นั้น สร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้แก่ทั้งบีมและครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ในการออกมาเคลื่อนไหวทำกิจกรรมทางการเมือง ทำให้บีมถูกดำเนินคดีมาแล้ว 5 คดี เป็นคดี พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ซึ่งถูกเปรียบเทียบปรับ คดียุติไปแล้ว 2 คดี, คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร หน้าสถานทูตเมียนมา ร่วมกับวีโว่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 และ #ม็อบ2พฤษภา64 หน้าศาลอาญา ร่วมกับ REDEM ที่หนักที่สุดคือคดี 112 จากการเข้าร่วมกิจกรรม #แต่งครอปท็อปเดินสยามพารากอน กับเพนกวินและรุ้ง เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563 ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหตุให้บีมถูกติดตามจับตาและคุกคามจากเจ้าหน้าที่
ล่าสุด บีมยังมีรายชื่ออยู่ในผังที่ระบุว่าเป็นกลุ่ม #ทะลุวัง และทำกิจกรรมป่วนขบวนเสด็จ ซึ่งเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งนำมาเผยแพร่ และมีการแชร์ไปในลักษณะล่าแม่มด
ภาพประจำเรื่อง: ไลฟ์สด เฟซบุ๊ก Nattakorn