ประมวลคำให้การพยานคดี ‘ช่างสักเชียงใหม่’ ตะโกนด่า-ชูนิ้วกลางใส่ตำรวจ ระหว่างชุมนุมปี 63 ก่อนศาลนัดพิพากษา 7 ธ.ค.

ระหว่างวันที่ 6 – 7 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ศาลแขวงเชียงใหม่ นัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในคดีของ พึ่งบุญ ใจเย็น ข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 จากกรณีตะโกนคำว่า “ควย” และชูนิ้วกลาง ต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2563 ณ ข่วงประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่เจ้าพนักงานใช้เครื่องเสียงประกาศบนรถตำรวจ ขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม เนื่องจาก ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

พึ่งบุญ ใจเย็น หรือ หมุน ปัจจุบันอายุ 35 ปี ประกอบอาชีพเป็นช่างสัก เคยเป็นอดีตทีมชาติกีฬาลองบอร์ด (Longboard) และกิจกรรมยามว่างมักทำงานศิลปะล้อเลียนการเมือง เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสังคมในประเด็นต่างๆ เช่น ร่วมทำอาหารแจกคนไร้บ้านและตามแคมป์คนงาน เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครทำแนวกันไฟป่า กับสภาลมหายใจเชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้าก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุผลเพราะว่า “ต้องการเห็นสังคมดีขึ้น”

การสืบพยานทั้งสองวัน เป็นไปอย่างราบรื่น ประกอบกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จึงไม่มีบุคคลเข้าร่วมชมการพิจารณาคดีนัก ก่อนศาลแขวงเชียงใหม่จะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 7 ธันวาคม 2564 นี้ เวลา 9.00 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนชวนทบทวนการต่อสู้คดีนี้ และปากคำพยานที่ถูกนำขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาล

.

ภาพรวมของการสืบพยาน

เมื่อเริ่มกระบวนการพิจารณา อัยการโจทก์นำพยานเข้าเบิกความจำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย พันตำรวจโทมนัสชัย อินทร์เถื่อน ในฐานะผู้กล่าวหาในคดี, สิบตำรวจเอก อรชุน มหาลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ภาค 5, และร้อยตำรวจโทอมรเทพ ชุมวิสูตร พนักงานสอบสวนประจำสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ส่วนฝ่ายจำเลย ได้นำพยานขึ้นเบิกความจำนวน 3 ปาก คือ ตัวจำเลยเอง, ผู้เข้าร่วมชุมนุม และผู้สังเกตการณ์การชุมนุมในวันนั้น

ข้อกล่าวหาของฝ่ายโจทก์ เน้นย้ำว่า คำว่า “ควย” และการกระทำที่จำเลยชูนิ้วกลางมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังประกาศข้อกฎหมายต่อผู้ชุมนุม เป็นการลดทอนคุณค่า ทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกต่ำต้อยและถูกดูหมิ่นในทางสังคม ได้รับความเสียหาย ขณะที่ข้อต่อสู้สำคัญของฝ่ายจำเลย คือ การให้ “ควย” นั้นเป็นคำพูดที่แสดงถึงความไม่พอใจต่ออำนาจที่ไม่ชอบธรรม มากกว่าเป็นการมุ่งโจมตีบุคคล

.

ปากคำจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าแจ้งความ

พยานปากแรกของฝ่ายโจทก์ คือ พันตำรวจโทมนัสชัย อินทร์เถื่อน รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนในคดีอาญา สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ และได้รับมอบหมายให้เป็นพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ทั้งยังมีความเกี่ยวข้องเป็นผู้กล่าวหาในคดีนี้

ในวันชุมนุมเวลาประมาณ 17.00 น. ถึง 18.00 น. พ.ต.ท.มนัสชัย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขึ้นรถใช้เครื่องขยายเสียง เพื่อประกาศต่อชุมนุมให้เลิกการชุมนุมโดยมีเนื้อหาทำนองว่า “การชุมนุมของผู้ชุมนุมไม่เป็นไปตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม” การประกาศดังกล่าว สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ชุมนุมอย่างมาก ซึ่งพยานก็ทราบดีว่าผู้ชุมนุมไม่พอใจและอาจก่อความรำคาญแก่ผู้ชุมนุมได้ การแสดงความรู้สึกต่อต้านของผู้ชุมนุม อาจแสดงออกมาหลากหลายวิธีแตกต่างกันไป ขณะนั้นเอง พ.ต.ท.มนัสชัย ก็เห็นว่าจำเลยเลื่อนลองบอร์ดมายังรถที่ตนกำลังยืนประกาศอยู่  และตะโกนคำว่า “ควย” พร้อมชูนิ้วกลางขึ้น

ต่อกรณีนี้ พ.ต.ท.มนัสชัย เบิกความว่า คำว่า  “ควย” และการที่จำเลยชูนิ้วกลางที่มีลักษณะเป็นการให้ “ควย” แก่ตนนั้น เป็นการลดคุณค่า ลดทอนศักดิ์ศรี ทำให้พยานรู้สึกต่ำต้อยและถูกดูหมิ่นในทางสังคม เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากเวลานั้นเป็นขณะที่ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายอยู่ จึงได้กล่าวหาจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานในเวลาต่อมา

ในช่วงถามค้าน พ.ต.ท.มนัสชัย ตอบคำถามทนายฝ่ายจำเลยว่า ตนได้ยินเพียงคำว่า “ควย” เท่านั้น แต่กลับไม่ได้ยินถ้อยคำว่า “ให้รับใช้ประชาชน” อีกทั้ง ในเรื่องสภาพจิตใจหลังเกิดเหตุดังกล่าว พยานก็ยืนยันว่ายังปกติดี ไม่ถึงกับต้องเข้าพบขอคำปรึกษาจิตแพทย์แต่อย่างใด

.

.

เจ้าหน้าที่รัฐ กับคำว่า “ควย”

การซักถามพยานโจทก์ปากที่ 2 สิบตำรวจเอกอรชุน มหาลือ ในฐานะพลขับรถให้กับ พ.ต.ท.มนัสชัย และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของการชุมนุมในวันดังกล่าว จึงได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมกับได้บันทึกภาพเคลื่อนไหวของเหตุการณ์เอาไว้

ส.ต.อ.อรชุน ให้การยืนยันว่า ตนเห็นจำเลยเลื่อนลองบอร์ดพุ่งเข้าไปบริเวณรถที่ พ.ต.ท.มนัสชัย ใช้เป็นเวทีประกาศ พร้อมจงใจตะโกนว่า “ควย” และแสดงสัญลักษณ์นิ้วกลางประกอบ โดย ส.ต.อ.อรชุน มั่นใจว่า จำเลยต้องการกระทำต่อ พ.ต.ท.มนัสชัย ที่เป็นผู้ประกาศถ้อยคำ หลังจากนั้นก็เห็นจำเลยกลับไปอยู่กับผู้ชุมนุมคนอื่น แต่พยานไม่มั่นใจว่า มีเสียงร้องโห่แสดงความไม่พอใจจำนวนมาก จากกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่

คำถาม คือ คำว่า “ควย” ในบริบทสังคมปัจจุบัน นั้นถือเป็นคำที่ลดทอนคุณค่า หรือศักดิ์ศรีของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่

เมื่อมาถึงการสืบพยานโจทก์ปากที่ 3 ร้อยตำรวจโท อมรเทพ ชุมวิสูตร ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีในฐานะเป็นพนักงานสอบสวน ผู้รับคำร้องร้องทุกข์จาก พ.ต.ท.มนัสชัย ข้อสังเกต คือ แม้คำว่า “ควย” จะถูกทำให้เป็นประเด็นปัญหาขึ้น จนกลายเป็นคดีขึ้นสู่ศาล แต่อมรเทพได้ให้การว่า ตนเองก็เคยชูนิ้วกลาง และพูดคำว่า “ควย” เป็นปกติ โดยเข้าใจว่าการกระทำดังกล่าวมีความหมายเป็นการด่าทอ แต่ตอนท้ายในการถามค้าน ได้เบิกความว่า คำว่า “ควย” มีความหมายเป็นเพียงอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์เท่านั้น

.

เจตนารมณ์ของจำเลยกับ “ควย” ในฐานะอาวุธต่อต้านอำนาจ

ด้านจำเลย พึ่งบุญ ใจเย็น เบิกความยอมรับว่า ตนได้พูดคำว่า “ควย” จริง และได้ชูนิ้วกลางอย่างที่โจทก์กล่าวหาจริง นอกจากนั้น ยังพูดคำอื่นๆ อีกด้วย เช่น “ไม่มีใครฟังมึงหรอก” และประโยคอื่นๆ ทำนองว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศออกมานั้น ไม่มีประโยชน์อะไร

ก่อนหน้าวันเกิดเหตุ พึ่งบุญ เล่าว่า ตนได้เห็นประกาศจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ที่กล่าวหาว่า การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ผู้ร่วมชุมนุมจะมีความผิดตามกฎหมาย และอ้างข้อกฎหมายต่างๆ โดยตอนนั้นเอง คำแรกที่ขึ้นมาในความคิดตน ก็คือคำว่า “ควย” และยังทำให้รู้สึกเหมือนถูกข่มขู่ รู้สึกโกรธ อึดอัด รู้สึกว่าสังคมนี้เป็นสังคมที่มีแต่ความย้อนแย้ง เพราะข้อความที่ประกาศนั้นขัดต่อสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ การไปร่วมชุมนุมเป็นโอกาสที่จะได้แสดงความรู้สึกนั้นออกมา และต้องการให้ “ควย” แก่อำนาจที่ไม่ชอบธรรม

ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุ พึ่งบุญ สวมหน้ากากอนามัยและเสียงบริเวณดังกล่าวดังมาก ทำให้รู้สึกว่าถึงจะพูดอะไรไปก็ไม่ได้ยิน จึงพยายามตะโกนสุดเสียง แต่ก็ยังได้ยินเสียงตะโกนโห่จากผู้ชุมนุมคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง หลังจากที่ตะโกนออกไปก็มีเสียงจากผู้ชุมนุมคนอื่นๆ ที่เห็นด้วย และส่งเสียงเฮเพื่อสนับสนุน ทั้งยังได้ยินว่าบางคนส่งเสียงด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นเดียวกัน แต่ไม่สามารถเจาะจงได้ว่ามีคำว่าอะไรบ้าง รวมถึงยังได้ยินเสียงจากทางหน้าเวทีด้วย เช่น คำว่าเยี่ยมจริงๆ ทำนองประชดประชันเจ้าหน้าที่

พึ่งบุญ เบิกความต่อไปว่า เหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น ก็เนื่องจากว่าไม่มีทางอื่นแล้ว นับเป็นทางที่ดีที่สุดที่ตนจะทำได้ และเป็นวิธีที่ถนัดที่สุด สำหรับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ไม่มีอำนาจ ทั้งยังเป็นความพยายามที่จะแสดงสัญลักษณ์ถึงการไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นอกจากนั้นแล้ว พึ่งบุญ ยังทราบดีว่า การที่ต้องตกเป็นจำเลยในคดีนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าตนเองมีบุคลิกภาพ ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นกว่าผู้ชุมนุมคนอื่นๆ และยังอาจเป็นที่น่าหมั่นไส้สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย

.

.

มนุษย์กับคำว่า “ควย”

การสืบพยานของฝ่ายจำเลยอีกสองปาก ประกอบด้วยนักศึกษาผู้จัดการชุมนุมในวันที่ 9 สิงหาคม 2563 และผู้สังเกตการณ์ชุมนุม ทั้งสองถือเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

พยานผู้จัดการชุมนุม เบิกความว่า ขณะที่มีการประกาศของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น พยานเห็นว่ามวลชนในวันนั้นแสดงความไม่พอใจ และมีการสบถออกมาเนื่องจากความโกรธ เช่น สัตว์ ควาย ควย ควายสะตวง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศจบ จึงให้ผู้ชุมนุมช่วยกัน พูดคำว่า “เยี่ยมจริงๆ เป็นจำนวน 3 ครั้ง” ขณะนั้นก็ได้ยินคำว่า “เหี้ยจริงๆ” บ้าง เพื่อพยายามไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น

พยานได้แสดงทัศนะไว้ว่า ตัวเองก็เคยพูดคำว่า “ควย” และหากพิจารณาตามพจนานุกรม คำดังกล่าวก็หมายถึง อวัยวะเพศชาย แต่หากเป็นความเข้าใจทั่วๆ ไป ก็เข้าใจว่าเป็นถ้อยคำแสดงถึงความไม่พอใจ เป็นคำสบถ คำอุทาน ใช้เมื่อเราไม่พอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทั้งยังเข้าใจว่าคำว่า “ควย” อาจใช้ในการพูดเล่นกันกับเพื่อนฝูงก็ได้ หรือบางครั้งคนเราอาจกล่าวออกมาในเวลาที่เกิดความตื่นตกใจต่อเหตุการณ์บางอย่างซึ่งหน้าได้เช่นกัน

พยานอีกปากหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้สังเกตการณ์ชุมนุมของ Mob Data Thailand เบิกความว่า จำเลยตะโกนคำว่า “ควย” และชูนิ้วกลางจริง แต่ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่า จำเลยกระทำต่อเจ้าหน้าที่คนใด หรือชูนิ้วให้ใคร และในเวลาเดียวกัน ผู้ชุมนุมคนอื่นๆ ก็มีการสบถ ตะโกนด่า ด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงได้ว่าใครพูดอะไรบ้าง และมีบางคนที่ชูนิ้วกลางเช่นเดียวกัน แต่ไม่แน่ชัดว่าใครบ้าง

สุดท้ายแล้ว พยานให้ความเห็นว่า คำว่า “ควย” และการชูนิ้วกลางเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยทั่วไปในชีวิตประจำวันของมนุษย์ การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงออกเพื่อตอบโต้สิ่งที่ไม่เห็นด้วยและในสภาวะที่ไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีกแล้ว และถือเป็นหนึ่งในวิธีการในการต่อสู้ของผู้ที่มีสถานะด้อยกว่าในความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ซึ่งปราศจากความรุนแรงและความสูญเสีย

.

จับตาคำพิพากษาศาล 7 ธันวาคม 2564

ภายหลังการสืบพยานทั้งหมดเสร็จสิ้น ศาลได้กำหนดนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 7 ธันวาคม 2564 โดยจากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน คดีนี้นับเป็นอีกคดีที่ศาลจะมีคำพิพากษา ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ตอบโต้ประชาชน โดยอ้างว่าถูกลดทอนศักดิ์ศรีและเกียรติยศของตำรวจ หลังจากที่ประชาชนทั่วประเทศเริ่มมีเคลื่อนไหวชุมนุมตั้งแต่ปี 2563

ประเด็นที่น่าจับตาในคำพิพากษาของศาล ได้แก่ พ.ต.ท.มนัสชัย ถือเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในวันนั้นหรือไม่ และคำว่า “ควย” จะมีแสนยานุภาพเพียงใดในสายตาของศาล ศาลจะวินิจฉัยให้คำว่า “ควย” เป็นคำดูถูกเหยียดหยามเกียรติตำรวจหรือไม่ อย่างไร

อีกทั้ง พึ่งบุญเองยังถูกกล่าวหาข้อหาเดียวกันนี้ที่ศาลแขวงเชียงใหม่ในอีกคดีหนึ่ง ได้แก่ เหตุตะโกนด่าตำรวจในลักษณะเดียวกัน ระหว่างการชุมนุม #เชียงใหม่จะไม่ทน เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 63 แต่ในวันดังกล่าว มีผู้ถูกกล่าวหา คือ พ.ต.อ.ภูวนาท.ดวงดี ผู้กำกับ สภ.เมืองเชียงใหม่ คดีนี้ยังอยู่ระหว่างรอการสืบพยานในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 หลังจากเลื่อนมาเพราะสถานการณ์โควิด ทำให้ต้องจับตาผลลัพธ์ของคดีนี้ ที่อาจส่งผลต่อคดีถัดไปอีกด้วย

.

ย้อนอ่านคำฟ้องคดีนี้

สั่งฟ้องคดี “ศิลปินช่างสัก” ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เหตุตะโกนด่าตร. ศาลนัดพร้อม 9 พ.ย.

.

X