ตร.อุบลฯ ไม่แจ้ง 112 ผู้ป่วยจิตเวชทำลายรูป ร.10 ยืนยันไม่เห็นเจตนา ก่อนปล่อยตัวไม่ต้องประกันหลังฝากขังไม่ทัน

8 พฤศจิกายน 2564 กรณีการจับกุมตัว “แต้ม” ผู้ป่วยจิตเวช หลังทุบทำลายป้ายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ในอำเภอตระการพืชผล รวม 3 แห่ง เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา และแจ้งข้อกล่าวหา “ทำให้เสียทรัพย์” โดยแต้มให้การรับสารภาพ ระบุว่า มีอาการหูแว่ว ได้ยินเสียงสั่งการจากเบื้องบน แต่การส่งตัวไปขออำนาจศาลแขวงอุบลฯ ฝากขังในวันจันทร์กลับเต็มไปด้วยความสับสนว่าจะมีการแจ้งข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามมาตรา 112 เพิ่มเติมหรือไม่ และจะต้องประกันที่ไหน ใช้เงินประกันจำนวนเท่าไหร่ สุดท้าย ผกก.สภ.ตระการพืชผล ยืนยันไม่แจ้ง 112 เนื่องจากไม่เห็นว่าแต้มมีเจตนา พร้อมทั้งให้ปล่อยตัวโดยไม่ต้องวางหลักประกัน เนื่องจากฝากขังไม่ทัน   

   

หลังถูกควบคุมตัวตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 6 พฤศจิกายน จนช่วงเช้าวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ตำรวจ สภ.ตระการพืชผลจึงคุมตัว “แต้ม” ผู้ป่วยจิตเวชและผู้ต้องหาคดีทำลายรูป ร.10  ไปที่ศาลแขวงอุบลราชธานี เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขัง แต่ระยะทางราว 50 กิโลเมตร จาก สภ.ตระการพืชผล มาที่ศาลกลับล่าช้า แต้มพร้อมกับแม่ที่เป็นผู้ดูแลมาถึงศาลราวๆ 11.30 น. และเมื่อเดินทางมาถึงแต้มก็ถูกพาตัวไปห้องคุมขังในศาล ระหว่างนั้นทนายความจึงทำเรื่องขอประกันตัว 

>>>อดีตทหารเกณฑ์รับทำลายรูป ร.10 ที่อุบลฯ โดยไม่รู้ตัว แว่วเสียงสั่งการจากเบื้องบน ทนายเตรียมยื่นประกันที่ศาลพรุ่งนี้  

แต่แล้วในช่วง 13.40 น. ปรากฏรถควบคุมตัวผู้ต้องหาจาก สภ.ตระการพืชผล ขับวนมารับแต้มกลับไปที่ สภ.ตระการพืชผล อีกครั้ง ตำรวจคนที่ขับรถอ้างว่า อัยการสั่งให้แจ้งข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพิ่มเติม และแจ้งกับทนายความและนายประกันที่รออยู่ตั้งแต่ช่วงเช้าว่า ให้ไปประกันตัวแต้มที่ สภ.ตระการพืชผล และต้องเพิ่มวงเงินประกันเป็น 100,000 บาท 

อย่างไรก็ตามราว 14.30 น. เมื่อทนายความและนายประกันเดินทางไปถึง สภ.ตระการพืชผล พ.ต.อ.บุญเลิศ เลิศวัฒนกิตติ ผกก. และ พ.ต.ท.สมชัย ผาสุขนิตย์ รอง ผกก.(สอบสวน) กลับแจ้งว่าพนักงานสอบสวนจะไม่แจ้งข้อหาตามมาตรา 112 เพราะหากจะแจ้งข้อหาดังกล่าว ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียก่อน จึงจะให้ทำเรื่องประกันตัวแต้มในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 

แต่แล้วเมื่อผ่านไปอีกราว 5 นาที ตำรวจกลับมาแจ้งว่า ทางศาลแขวงอุบลฯ เมื่อได้อ่านคำร้องขอฝากขังแล้ว โทรมายืนยันให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาตามมาตรา 112 เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ต้องเพิ่มวงเงินประกันเป็น 100,000 บาท นายประกันจึงเบิกเงินจากกองทุนราษฎรประสงค์จำนวน 100,000 บาท วางเป็นหลักทรัพย์ประกัน และพนักงานสอบสวนเร่งทำบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ท่ามกลางความงุนงงของทั้งทนายความ นายประกัน หรือแม้แต่ตำรวจเอง เนื่องจากปกติศาลมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเท่านั้น ส่วนการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ และหากมีการแจ้งข้อหา 112 คดีของแต้มต้องพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากมีอัตราโทษสูงเกินกว่าอำนาจพิจารณาของศาลแขวงแล้ว

ระหว่างนั้นเมื่อสอบถามตำรวจว่าแต้มถูกควบคุมตัวเกินกว่า 48 ชั่วโมงแล้วหรือไม่ เนื่องจากในบันทึกการจับกุมไม่ได้ระบุเวลาจับกุมที่แน่ชัด ซึ่งหากเกิน 48 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนต้องปล่อยตัวแต้มทันที โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน พ.ต.ท.สมชัย แจ้งว่าการควบคุมตัวแต้มจะครบ 48 ชั่วโมงในเวลา 17.00 น. และทางตำรวจจะเร่งแจ้งข้อหามาตรา 112 โดยเร็ว

แต่สุดท้ายราว 15.30 น. ผู้กำกับ สภ.ตระการพืชผล กลับมาแจ้งแก่ทั้งทนายความและนายประกันว่า ตำรวจยืนยันแจ้งข้อหาเพียง “ทำให้เสียทรัพย์” ไม่แจ้งข้อหามาตรา 112 และให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาโดยไม่ต้องวางประกัน เนื่องจากถือว่าไม่ได้ทำเรื่องขอฝากขัง พนักงานสอบสวนจึงโอนเงิน 100,000 บาท คืนให้นายประกัน พ.ต.อ.บุญเลิศ กล่าวอีกว่าถึงที่สุดหากไปยื่นฝากขังแล้ว ทางศาลแขวงอุบลฯ ไม่รับฝากขัง และให้แจ้งมาตรา 112 เพิ่ม ตำรวจก็จะไม่ฝากขังแต้ม 

จนสุดท้ายรถคุมตัวผู้ต้องหาของตำรวจก็พาแต้มและแม่มาถึง สภ.ตระการพืชผล ในเวลาประมาณ 16.15 น. ตำรวจพาแต้มไปลงบันทึกประจำวันก่อนปล่อยตัว โดยพนักงานสอบสวนนัดให้มารายงานตัวในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 

พ.ต.อ.บุญเลิศ ยังกล่าวด้วยว่า เป็นที่รับรู้กันในพื้นที่ตำบลสะพือและอำเภอตระการพืชผลว่า เขาเป็นผู้ป่วยมีอาการทางจิต ในระหว่างสอบปากคำ ยังมีผู้ใหญ่บ้านมาเป็นพยานและมีหลักฐานบัตรประจำตัวผู้ป่วยมายืนยัน ตำรวจจึงเข้าใจว่าแต้มไม่มีเจตนาที่จะทำผิดมาตรา 112

ก่อนหน้านี้ในชั้นสอบสวนที่ สภ.ตระการพืชผล วัฒนา จันทศิลป์ ทนายความเปิดเผยถึงคำให้การของแต้มโดยสรุปว่า ขณะก่อเหตุเขามีอาการหูแว่ว ได้ยินเสียงสั่งการมาจากเบื้องบนให้เขาทำลายป้ายที่เห็น เขาจึงทำไปโดยไม่รู้สึกตัวว่าเป็นป้ายอะไร แต่เมื่อขี่รถกลับบ้านได้ไตร่ตรองทบทวนจึงรู้ตัว และเข้าไปเล่าให้แม่ฟังด้วยความเสียใจ ก่อนออกจากบ้านมาอีกครั้งเพื่อไปเอาบัตรประชาชนที่หาย กระทั่งถูกตำรวจจับ

สุ่น แม่วัย 59 ปี ของแต้มบอกเล่าถึงอาการป่วยของลูกชายวัย 31 ปีของเธอว่า แต้มมีอาการทางจิตหลังจากที่เขาไปเป็นทหารเกณฑ์ โดยสมัครเป็นทหารเรือไปอยู่ที่สัตหีบ จังหวัดชลบุรี แต้มเคยเล่าให้แม่ฟังว่าขณะเป็นทหารเกณฑ์เขาถูกตี เคยถูกจับกดน้ำด้วย ที่หัวมีร่องรอยบาดแผลปรากฏถึงปัจจุบัน เมื่อปลดประจำการแล้ว แต้มเดินเท้าเปล่ากลับบ้านและเดินไปเข้าบ้านหลังหนึ่ง จนถูกแจ้งความจับ และเขาโทรมาบอกแม่ แม่จึงให้พี่ชายไปประกันตัวและรับแต้มกลับ ก่อนพาไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีมหาโพธิ์ 

ปัจจุบันแต้มยังต้องไปพบหมอและกินยาตลอด โดยมีบัตรผู้พิการประเภท 4 เขารู้ตัวเองว่า ถ้าไม่กินยาจะมีอาการก้าวร้าว บางครั้งเข้าใจว่าตนเองเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 16 แต่เนื่องจากกินยาแล้วง่วง ทำให้เขาพยายามไม่กินยา

ทนายความกล่าวถึงกรณีของแต้มว่า ได้นำส่งบัตรผู้พิการ และยาที่เขาทานเป็นประจำเป็นหลักฐานเข้าไปในสำนวนการสอบสวนด้วย และในส่วนของแม่กับผู้ใหญ่บ้านก็ให้ปากคำเรื่องอาการป่วยและการรักษาของแต้ม โดยถ้าทานยาจะเป็นคนสุภาพ พูดจาโต้ตอบดี ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ทำงานในไร่ได้ ถ้าไม่ได้ทานยา จะมีอาการหงุดหงิด ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง 

สำหรับแต้มปัจจุบันอาศัยอยู่กับพ่ออายุ 62 ปี และแม่อายุ 59 ปี โดยทำอาชีพเป็นชาวนา ทุกปีแต้มจะช่วยพ่อและแม่ปลูกข้าวบนที่ดิน 2 ไร่ หากเว้นว่างจากนั้นก็จะไปรับจ้างก่อสร้างหรือตัดต้นไม้บ้างตามแต่จะมีผู้ว่าจ้าง โดยวันเกิดเหตุวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต้มบอกแม่ว่าจะไปพบนักการเมืองคนหนึ่งในอำเภอเพื่อขอสมัครงานก่อสร้าง แต่สุดท้ายเขาบอกแม่ว่ามีเสียงจากสวรรค์บอกให้เขาทำสิ่งที่เป็นต้นเหตุของคดีความนี้

X