“ชาตินั้นช่างเปราะบาง”: ‘เมนู’ เดินทางจากเชียงใหม่ รับทราบข้อหา ม.112 เหตุปราศรัยใน #ม็อบ30พฤศจิกามาหาดใหญ่

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 64 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองหาดใหญ่  “เมนู” สุพิชฌาย์ ชัยลอม นักกิจกรรมคนรุ่นใหม่ อายุ 19 ปี ได้เดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในคดีที่มี พ.ต.ท.จิรศักดิ์ ฉวีนิล เป็นผู้กล่าวหา ด้วยข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เหตุจากการปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ30พฤศจิกามาหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 63

สุพิชฌาย์ ผู้ปกครอง พร้อมด้วยทนายความเครือข่ายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ที่สภ.หาดใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากทั้ง พ.ต.อ.สุวโรจน์ ลุนหวิทยานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรสงขลา, พ.ต.อ.สมพร ดำราษฎ์ ผู้กำกับสอบสวนตำรวจภูธรสงขลา, พ.ต.อ.คมกฤษณ์ ชินพงษ์  ผู้กำกับสอบสวนตำรวจภูธรสงขลา, พ.ต.ท.หญิง ภัทรียา ปานนิ่ม รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.หาดใหญ่, พ.ต.ท.เชาว์ ชุมวรเดช รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.หาดใหญ่, พ.ต.ท.อุดม บุญพุฒ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.หาดใหญ่ และ พ.ต.ท. สราวุธ ณะสุข รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้ร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหาต่อสุพิชฌาย์

พฤติการณ์ข้อกล่าวหาเกิดจากการปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ30พฤศจิกามาหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 63 ที่หน้าหอนาฬิกาหาดใหญ่ ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่ม “เด็กเปรต” โดยกล่าวหาจากเนื้อหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในการจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในรัชกาลที่ 10 รวมทั้งการยัดเยียดเนื้อหาเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาในหนังสือเรียน

ผู้กล่าวหาและพนักงานสอบสวนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่าย “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112” 

สุพิชฌาย์ ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ก่อนจะถูกนำตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และปล่อยตัวกลับโดยไม่มีการควบคุมตัว เนื่องจากได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก

สำหรับบรรยากาศในการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ได้มีนักกิจกรรมกลุ่ม “เด็กเปรต” เดินทางมาให้กำลังใจเพื่อน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบไม่น้อยกว่า 50 นาย กระจายตัวรอบ สภ.หาดใหญ่ อีกทั้งมีการใช้โดรน 1 เครื่องบินอยู่บนท้องฟ้าด้วย โดยก่อนที่จะเข้าไปภายในสภ. เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งจุดตรวจทำการตรวจสอบบัตรประชาชนและกระเป๋าของผู้ที่จะเดินทางเข้าไปภายในสถานีทุกคนด้วย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้มีการแจกกระดาษข้อความที่ระบุว่าเป็น “ใบประชาสัมพันธ์ สภ.หาดใหญ่” ระบุเนื้อหาว่า

“1. ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และคำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ ว่าด้วยเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามจัดกิจกรรมหรือรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน

“2. เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

“3. การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไว้เป็นพยานหลักฐาน

“4. การกระทำใดๆ ที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คำสั่งฯ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในที่สาธารณะ หรือมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้ฝ่าฝืนอาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาในภายหลัง

“ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีต่อพี่น้องประชาชน งานมวลชนสัมพันธ์ สภ.หาดใหญ่”

ภาพ “เมนู” หลังถูกพิมพ์ลายนิ้วมือในวันรับทราบข้อกล่าวหา

สุพิชฌาย์ ได้โพสต์เปิดเผยถึงความรู้สึกหลังการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “หมายเรียกที่ได้รับในวันนี้แสดงถึงความกลัวของรัฐที่กำลังพยายามปกปิดความจริงจากประชาชน เมนูในฐานะของเยาวชนและประชาชนที่อายุน้อยกว่าท่านยังคงขอยืนยันว่าการพูด เรียกร้อง หรือวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่เราทุกคนสามารถทำได้โดยไม่สมควรถูกตั้งข้อหาความผิดใดๆ หากคำพูดวิพากษ์วิจารณ์หรือการแสดงความคิดเห็นนั้นกระทบต่อความมั่นคงของชาติ นั่นคงแปลว่าชาตินั้นช่างเปราะบางเหลือเกิน

“หากท่านฉลาดกว่านี้เพียงซักนิด แล้วปล่อยให้นักศึกษาคนนี้ได้ตั้งใจเรียนหนังสือต่อไป ภัยความมั่นคงของท่านจะหายไป 1 คน แต่การที่ท่านกระทำการเช่นนี้ ถือเป็นการดึง “เมนู สุพิชฌาย์” กลับเข้าสู่ถนนแห่งการต่อสู้ครั้งนี้ และการแจ้งข้อกล่าวหา 112 นั้นไม่ได้สร้างความกลัวหรือพยายามปิดปากได้สำเร็จเลยแม้แต่น้อย นี่คือหลักฐานที่แสดงถึงปัญหาของสถาบันและเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาต่อสู้อีกครั้ง”

.

X