วันนี้ (17 ก.ย.64) เวลาราว 08.40 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบ้านพักกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ตามหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 403/2564 ลงวันที่ 16 กันยายน 2564 และจับกุม นิราภร อ่อนขาว หรือ “บี๋” อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในสมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1407/2564 ลงวันที่ 15 กันยายน 2564 ในฐานความผิด “ยุยงปลุกปั่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย” ตามมาตรา 14 (3) แห่ง พ.ร.บ.คอมฯ
คดีนี้สืบเนื่องมาจาก นายนพดล พรหมภาสิต สมาชิกของศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท ให้ดําเนินคดีต่อนิราภร เหตุเป็นแอดมินเพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม-United Front of Thammasat and Demonstration”
โดยเช้านี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจราว 12 นาย ได้เข้าจับกุมนิราภรในย่านที่พักอาศัย ในจังหวัดปทุมธานี ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท) เพื่อจัดทำบันทึกจับกุมและสอบปากคำ
บันทึกจับกุมบรรยายว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย เจ้าพนักงานตำรวจจาก กองกำกับการ 3 บก.ปอท รวม 9 นาย และพนักงานตำรวจจากกลุ่มงานสนับสนุนคดีเทคโนโลยี บก.ปอท รวม 3 นาย โดยปฎิบัติงานภายใต้การอำนวยการจับกุมของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ บก.ปอท., พ.ต.อ .ศรีวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. และ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ คำภีรานนท์ ผกก.3 บก.ปอท.
วันที่ 17 กันยายน 64 เวลาประมาณ 06.45 น. เจ้าพนักงานตํารวจชุดจับกุมได้นําหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรี
เข้าทําการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหา ในจังหวัดปทุมธานี เพื่อพบและยึดสิ่งของ เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทําความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือสิ่งของผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทําความผิด
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงได้พบกับตัวแทนผู้พักอาศัยอยู่ภายในบ้านพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายค้นให้ ตรวจสอบ และแจ้งวัตถุประสงค์ขอทําการตรวจค้น ซึ่งก่อนทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตํารวจพบนิราภร ผู้ต้องหา อยู่บริเวณบ้านและที่ดังกล่าว จึงได้แสดงหมายจับดังกล่าวให้ผู้ต้องหาตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว สอบถาม ผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมตัวตามหมายจับนี้มาก่อน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตํารวจจะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก. 3 บก.ปอท. เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมาย
ในชั้นจับกุมนี้ นิราภรให้การปฏิเสธ และไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุมข้างต้น
นอกจากนี้ เฟซบุ๊ค Benja Apan ยังเผยอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปอท. ได้ทำการยึดโน๊ตบุ๊คของเบญจากับพวกไว้เป็นของกลางทั้งหมด 6 เครื่อง ซึ่งเครื่องโน๊ตบุ๊คดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ในการเรียนออนไลน์และการสอบกลางภาคในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ที่มา: เฟซบุ๊ก Benja Apan
.
แจ้ง 116-พ.ร.บ.คอมฯ อ้างเพจแนวร่วมมธ.ฯ ยุยงปลุกปั่นผ่านทางสื่อออนไลน์ ทำให้ประชาชนเกิดความกระด้างกระเดื่องต่ออำนาจรัฐ
สำหรับพฤติการณ์คดี คำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนปอท. บรรยายโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 64 นายนพดล พรหมภาสิต ผู้กล่าวหาได้ทำการตรวจสอบบัญชีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม-United Front of Thammasat and Demonstration” เนื่องจากพบว่าเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวได้มีการปลุกระดมและโพสต์ข้อความให้ผู้คนออกไปประท้วงเดินชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลซึ่งในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังเห็นว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีการชุมนุมโดยสันติวิธีและสงบตามที่กฎหมายกำหนดแต่อย่างใดการกระทำดังกล่าวจึงไม่เป็นไปตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
ต่อมา เมื่อประชาชนออกมาร่วมชุมนุมตามที่มีการชักชวนจากเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวก็ปรากฏว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมได้ก่อความไม่สงบขึ้นในบ้านเมืองการโพสต์ข้อความชักชวนดังกล่าวจึงเป็นการก่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินผู้กล่าวหาทราบเหตุดังกล่าว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกับพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสืบสวนทางเทคนิคและการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลพบว่า นิราภร มีความเกี่ยวข้องกับเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวข้างต้น และพบว่าบัญชีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม-United Front of Thammasat and Demonstration” ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดการชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อสารประชาสัมพันธ์กิจกรรมรายงานความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของกลุ่มแกนนำแนวร่วมกลุ่มอื่น ๆ และเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าดำเนินการกับแกนนำของกลุ่มอีกทั้งยังพบว่าผู้ดูแลระบบ หรือผู้ใช้บัญชีเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว มีพฤติการณ์ยุยงปลุกปั่นผ่านทางสื่อออนไลน์ให้แนวร่วมของกลุ่มเกิดความกระด้างกระเดื่องต่ออำนาจรัฐและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นแล้ว แกนนำของกลุ่มดังกล่าวก็ไม่ได้พยายามที่จะเข้าไประงับยับยั้งเหตุ แต่กลับนำภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปโจมตีและกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมเกินกว่าเหตุ พนักงานสอบสวนกก. 3 บก.ปอท.จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรีอนุมัติหมายค้น และรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับนิราภร
พนักงานสอบสวนได้แจ้งนิราภร 2 ข้อหา ได้แก่ “ร่วมกันกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย” ตามมาตรา 14 (3) แห่งพ.ร.บ.คอมฯ
.
ศาลให้ประกัน วางเงิน 25,000 บาท
ต่อมา เวลา 15.38 หลังจากสอบคำให้การเสร็จสิ้นแล้ว ตำรวจได้ยื่นขออำนาจศาลอาญาฝากขัง ผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมคัดค้านการประกันตัวโดยระบุว่า พนักงานสอบสวนยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มอีก 10 ปาก รอผลการตรวจลายนิ้วมือ และประวัติการต้องโทษ จึงขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน
ท้ายคำร้องยังระบุว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงประกอบกับเป็นคดีสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1(3)
ด้านทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางเงินสดจำนวน 25,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ เป็นหลักประกัน ต่อมา ศาลอาญามีคำสั่งให้ประกันตัว พร้อมกำหนดนัดรายงานตัววันที่ 4 พ.ย. 64 เวลา 08.30 น.
.