วันที่ 20 ส.ค. 64 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ 5 นักศึกษาและประชาชน เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกผู้ต้องหาในข้อกล่าวหา “จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งฯ” โดยมี พ.ต.ท.ฐานิษฏ์ นันทาวิศิษฐ์ เป็นผู้กล่าวหา จากกิจกรรม #คาร์ม็อบนครสวรรค์ #นครสวรรค์บีบแตรไล่หมา รณรงค์ใส่เสื้อดำเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากการบริหารงานแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ที่ล้มเหลว และเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 64 ภายในตัวเมืองจังหวัดนครสวรรค์
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 5 รายที่ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ได้แก่ ภาณุวัฒน์ พรหมดี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 และธนภัทร พุ่มธรรมชาติ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, ปณชัย เทศเสนาะ นักศึกษาปวช.ชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์, ณวิบูล ชมภู่ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกิจการทั่วโลก มหาวิทยาลัยมหิดล และ ปุณณเมธ อ้นอารี ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม
เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ถูกออกหมายเรียกทั้ง 5 ราย พร้อมทนายความและผู้ไว้วางใจ ได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน พ.ต.ท.กันตินันท์ รุ่งฉัตร รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมห้องประชุมของชุดสืบสวนซึ่งอยู่ด้านหลังของสถานี ไว้ให้กับผู้ได้รับหมายเรียกและผู้ติดตามให้นั่งพักคอย โดยไม่ต้องเข้าไปภายใน สภ. เนื่องจากเกรงเรื่องการรวมกลุ่มของคนจำนวนมากภายในสถานี ระหว่างนั้นพนักงานสอบสวนได้นำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ถูกออกหมายเรียกทั้ง 5 ราย ไปจัดทำบันทึกข้อกล่าวหา ก่อนจะนำมาอ่านให้ผู้ต้องหาทั้งห้าฟัง
พฤติการณ์ข้อกล่าวหาโดยสรุประบุว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 14.00-17.00 น. ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกันจัดกิจกรรม CARMOB #นครสวรรค์บีบแตรไล่หมา ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการเมืองอันเป็นการชุมนุมสาธารณะ โดยมีการใช้เครื่องขยายเสียงในการประกาศโฆษณาตลอดการจัดกิจกรร มโดยไม่ได้มีการแจ้งการชุมนุมต่อผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้รับแจ้งตามกฎหมายก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
ผู้กล่าวหาและพนักงานสอบสวนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และ ทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ผู้ต้องหาทั้งห้ารายเมื่อได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เห็นว่าข้อกล่าวหามีเพียงอัตราโทษปรับ จึงได้ยินยอมให้พนักงานสอบสวนทำการเปรียบเทียบปรับในชั้นสอบสวน เพื่อให้คดีความเป็นอันยุติลง และจะไม่มีภาระผูกพันทางคดีต่อไป
พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับผู้ต้องหาทั้งห้าราย ในข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมคนละ 1,000 บาท และปรับเฉพาะภาณุวัฒน์ พรหมดี เพียงคนเดียว ในข้อกล่าวหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเงิน 200 บาท รวมผู้ต้องหาทั้งห้ารายถูกปรับเป็นเงิน 5,200 บาท เมื่อจ่ายค่าปรับแล้วเสร็จ ก็สามารถเดินทางกลับได้
สำหรับเงินค่าปรับมาจากกองทุนราษฎรประสงค์ ซึ่งช่วยเหลือเรื่องการประกันตัว และค่าใช้จ่ายในคดีทางการเมือง
ทั้งนี้น่าสังเกตว่าตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 มาตรา 3 (6) กำหนดให้กฎหมายไม่ใช้บังคับแก่การชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ
.
.
ก่อนเดินทางกลับ ทางกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาและนักกิจกรรมในจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งจากแนวร่วมนิสิต “นครสวรรค์” เพื่อประชาธิปไตย, แนวร่วมฟันเฟืองอาชีวะนครสวรรค์ และสหพันธ์นักเรียนนครสวรรค์ ยังได้เข้ายื่นหนังสือผ่านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องขอให้ทบทวนมาตรการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีตัวแทนตำรวจมารับแทน
เนื้อหาโดยสรุประบุว่าจากสถานการณ์การสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนหลายครั้งที่ผ่านมา พบว่าไม่ปฏิบัติตามหลักสากล เช่น การยิงปืนกระสุนยางบริเวณใบหน้า ยิงปืนกระสุนยางติดต่อกันหลายนัด ยิงแก๊สน้ำตาจากที่สูง ยิงแก๊สน้ำตาในระยะประชิด เป็นต้น การเข้าปราบปรามของเจ้าหน้าที่ในการสลายการชุมนุมยิ่งจะทำให้เหตุการณ์เลวร้ายขึ้น นำไปสู่ความไม่พอใจ และโอกาสเกิดการจลาจลโดยที่ไม่มีใครควบคุมได้ ทางเครือข่ายนักกิจกรรมในจังหวัดนครสวรรค์จึงเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทบทวนมาตรการในการสลายการชุมนุมกับผู้ชุมนุม
นอกจากนั้นเครือข่ายนักกิจกรรมในจังหวัดนครสวรรค์ยังได้เดินทางไปยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดมารับแทน
.