เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2563 เวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนจากสภ.เมืองปทุมธานี ได้เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ จากเหตุที่นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ทนายความ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สภ.เมืองปทุมธานี กรณีเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 อานนท์ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดินที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และขอให้มีการเรียกรับคืนงบประมาณในส่วนที่ไม่จําเป็นมาใช้ในการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งมีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับที่มาของงบประมาณของสถาบันกษัตริย์
บันทึกแจ้งข้อกล่าวหายังระบุว่า ระหว่างเดือนมีนาคม 2563 ตลอดมา นายอานนท์ได้มีการโพสต์ข้อความและภาพต่างๆ อันเป็นเท็จอีกหลายครั้งในลักษณะเดียวกัน นายบุญถาวรเห็นว่าการกระทำของนายอานนท์ เป็นการนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต อีกทั้งไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือเขียนข้อความติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทําได้เพื่อป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม หากแต่การกระทําของนายอานนท์เป็นการกระทําให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยการนําข้อมูลที่เป็นภาพและข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันมิใช่เป็นการกระทําไปในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
นายบุญถาวรจึงใช้สิทธิตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 50 ทําหนังสือยื่นต่อ พล.ต.ต. ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เรื่องกล่าวโทษให้ดําเนินคดี หลังจากนั้นผู้แจ้ง จึงได้มากล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ให้ดําเนินคดีกับนายอานนท์ในความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฐานความผิด เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมาย
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สมยศ ดำจันทร์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.เมืองปทุมธานี ได้แจ้งข้อกล่าวหาอานนท์ในข้อหา “กระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ”
อานนท์ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและจะยื่นคำให้การเป็นเอกสารภายใน 30 วัน ขณะแจ้งข้อกล่าวหามีทนายความและอาจารย์ชำนาญ จันทร์เรือง ซึ่งได้เข้าเยี่ยมในวันนั้น เข้าร่วมเป็นผู้ไว้วางใจ
เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2563 เฟซบุ๊กแฟนเพจ อึ้งเอี๊ยะซือ เทื้อเอี้ยวเกีย V3 เปิดเผยว่ามีลูกเพจที่อาศัยอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ไปแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีทนายอานนท์ด้วยข้อหาตามมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 จากการที่เขาไปถกเถียงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับงบสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ใช้เงินภาษีประชาชน
ทางเพจดังกล่าวโต้แย้งว่าพระมหากษัตริย์ใช้ทรัพย์จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เงินภาษี อานนท์จึงได้โพสต์สเตตัสในเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยว่าวันที่ 19 มิ.ย. จะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสื่อถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบและชี้แจงเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของสถาบันกษัตริย์ เพื่อนำเป็นหลักฐานในคดีที่ตนเองถูกเข้าแจ้งความตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ จากกรณีที่ได้แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า สถาบันกษัตริย์ใช้เงินงบประมาณของรัฐที่มาจากภาษีของประชาชน และถูกเฟซบุ๊กแฟนเพจ อึ้งเอี๊ยะซือ เทื้อเอี้ยวเกีย V10 แคปภาพไปกล่าวหาว่า ให้ข้อมูลเท็จ พร้อมย้ำว่าสถาบันกษัตริย์ไม่เคยใช้เงินภาษีประชาชน