19 ต.ค.2563 เวลา 10.45 น. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีชูป้ายสหพันธรัฐไทที่หน้าห้างมาบุญครอง หรือเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ คดีนี้อัยการสำนักงานอัยการสูงสุดยื่นฟ้องต่อศาลในข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, เป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209, ชุมนุมสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากวังของพระบรมวงศ์ตั้งแต่สมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 7 และ 10 และยังมีจำเลย 1 คนถูกฟ้องในความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 (3) จากกรณีสวมเสื้อดำและชูป้ายสหพันธรัฐไทที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน หน้าเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ ในวันที่ 5 ธ.ค. 2561 โดยมีการสืบพยานในคดีนี้ระหว่างวันที่ 14-16 ก.ค. และ 21-22 ก.ค. 2563 คดีนี้นัดอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 ก่อนศาลขอเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปอีกกว่าหนึ่งเดือนมาเป็นวันนี้
เหตุในคดีเกิดขึ้นจากเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2561 ได้มีกลุ่มบุคคลซึ่งใส่เสื้อสีดำมารวมตัวกันชูป้ายที่เป็นสัญลักษณ์ธงลายขาว-แดง มีข้อความ “Thai Federation” อยู่บริเวณสกายวอล์คหน้าห้างมาบุญครอง หรือเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกลุ่มบุคคลขณะทำกิจกรรมดังกล่าวรวม 5 คน และติดตามจับกุมในวันต่อมาอีก 1 คน โดยมีอย่างน้อย 2 คน หลังถูกจับกุมได้ถูกควบคุมตัวไปยัง มทบ. 11 เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 วัน โดยอ้างคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558
.
คำฟ้องของโจทก์
พนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2562 โดยบรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 5 ธ.ค. 2561 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 6 คนได้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกันวาระ กล่าวคือ
- จำเลยทั้งหก กับนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ, นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์, นายสยาม ธีรวุฒิ, นายวัฒน์ วรรลยางกูร และนายกฤษณะ ทัพไทย ซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันเป็นหัวหน้า ผู้จัดการ หรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ ในคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีการ ชื่อกลุ่มสหพันธรัฐไท มีความมุ่งหมายเพื่อต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านรัฐบาลและ คสช. เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไปสู่ระบอบการปกครองในระบอบสหพันธรัฐ ที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข
- จำเลยทั้งหกกับพวกที่ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้อง บังอาจจัดชุมนุมทางการเมืองบริเวณ สกายวอร์ค มาบุญครอง โดยสถานที่นั้นอยู่ในรัศมี 150 เมตรจากวังสระปทุม อันเป็นที่ประทับของพระบรมวงศ์ชั้นสมเด็กเจ้าฟ้าเป็นต้นไป เป็นผู้ร่วมชุมนุมสาธารณะและเป็นผู้ร่วมจัด โดยไม่แจ้งการชุมนุมก่อนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ โดยได้เคลื่อนไหวปลุกระดมสมาชิกกลุ่มและประชาชนทั่วไปผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ เฟซบุ๊ก กลุ่มไลน์ ยูทูบ และการแจกเอกสารแผ่นปลิว ชักชวนให้สมาชิกกลุ่มและประชาชนทั่วไปต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านรัฐบาลและ คสช. ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินและเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร
จำเลยทั้ง 6 ให้การปฏิเสธและได้รับการประกันตัว วันนี้จำเลยทั้งหกและญาติรวมทั้งทนายความจำเลยที่ 1 เดินทางมาศาลฟังคำพิพากษา
.
ศาลมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย 4 ประเด็น
สำหรับประเด็นคำพิพากษาของศาลโดยสรุประบุว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่า มีการก่อตั้งกลุ่มสหพันธรัฐไท โดยต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์และเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นแบบประธานาธิบดี และใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ ปรีชา มหาชัย ในการสื่อสาร มีการเผยแพร่ภาพธงขาวแดงขาว โดยตัดสีน้ำเงินออก เพื่อแสดงออกว่าไม่ต้องการสถาบันกษัตริย์ มีการพูดคุยกันผ่านกลุ่มไลน์ โดยแบ่งกลุ่มไลน์เป็น 10 มลรัฐ โดยสมาชิกจะมีบัญชีไลน์ มีการแจกจ่ายสติ๊กเกอร์ ในเดือนกันยายน มีการปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงมากขึ้น มีการเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ช่วงวันที่ 5 ธ.ค. ที่มีการใส่เสื้อเหลือง มีการปลุกระดมทางไลน์ เฟซบุ๊ก และ ยูทูป ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการชุมนุมที่ห้างมาบุญครอง
วันที่ 5 ธ.ค. ตำรวจจัดวางกำลังบริเวณสกายวอร์ค ห้างมาบุญครอง เวลา 13 นาฬิกา พบประชาชนกว่า 10 คน ใส่เสื้อดำ ในเวลา 17 นาฬิกา พบประชาชนอีกจำนวน 20 คน รวมพวกจำเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือให้ผู้ชุมนุมกลับ แต่มีบางส่วนยังอยู่ โดยพวกจำเลยยังคงอยู่และต่อต้านตำรวจอย่างรุนแรง ในการจับกุมมีการตรวจยึดและเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังพบเฟซบุ๊ก TONY JHAR (โทนี่จา) โพสต์ข้อความต่อต้านสถาบัน ทั้งหลังเหตุการณ์ก็ยังมีการโพสต์ภาพเหตุการณ์และภาพผังผู้บัญชาการของตำรวจ สน.ปทุมวัน 26 ธ.ค. เจ้าหน้าที่พบตัวจำเลยที่ 6 ซึ่งรับว่าเป็นผู้โพสต์เฟซบุ๊ก TONY JHAR (โทนี่จา)
ประเด็นที่ 1: ความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ม.116
พยานโจทก์เบิกความเกี่ยวกับกลุ่มสหพันธรัฐไท ซึ่งปลุกระดมให้ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ มีการเผยแพร่ภาพธงขาวแดงขาวตรงหน้าอก มีไลน์กลุ่มแบ่งเป็น 10 รัฐ ในช่วงเดือนกันยนยนแนวร่วมของกลุ่มเริ่มมีการเผาพระบรมฉายาลักษณ์และในช่วงวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งมีการสวมเสื้อสีเหลืองเพื่อแสดงความจงรักษ์ภักดี ได้มีการรณรงค์สวมเสื้อดำ มีสัญลักษณ์ธงขาวแดงขาว เพื่อแสดงการต่อต้าน พยานโจทก์ตำรวจผู้จับกุมเบิดความว่า วันที่ 5 ธ.ค. มีการจัดวางกำลังคนและพบเห็นบุคคลใส่เสื้อดำ
ช่วงเวลาบ่ายโมง จึงได้เข้าไปพูดคุย กลุ่มคนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ แต่กลุ่มจำเลยต่อต้าน เจ้าพนักงานจึงแสดงตัวจับกุม พร้อมยึดสติกเกอร์สัญลักษณ์และโทรศัพท์มือถือ ส่วนจำเลยที่ 6 พยานตำรวจผู้จับกุม เบิกความว่าเฟซบุ๊ก TONY JHAR (โทนี่จา) เป็นของจำเลย จำเลยที่ 1-5 เดินชูธงไปโดยรอบสกายวอร์ค แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 6 จัดรายการยูทูป อีกทั้งไม่เคยเป็นสมาชิกกลุ่ม ลำพังจำเลยสวมเสื้อดำและถูกตำรวจตรวจยึดสติ๊กเกอร์หรือจำเลยที่ 6 โพสต์เชิญชวนคนมาชุมนุมและโพสต์คลิปสกายวอร์ค ยังไม่ถึงกับจะก่อความกระด้างกระเดื่องขึ้นในราชอาณาจักร โจทก์ไม่ได้นำสืบถึงการกระทำที่มีลักษณะเป็นการประทุษร้ายหรือล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยในฐานความผิดนี้ได้ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย
ประเด็นที่ 2: ความผิดฐานอั้งยี่ ม.209
พยานโจทก์เบิกความว่าจำเลยชูธงเดินไปโดยรอบสกายวอร์ค ห้างมาบุญครอง แม้ตำรวจจะเข้าจับกุมและจำเลยที่ 6 ได้ใช้เฟสบุ๊กโพสต์ข้อความให้มาชุมนุม แต่โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งหกเป็นสมาชิกไลน์กลุ่มสหพันธรัฐไท หรือร่วมประชุมวางแผน ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งหกเป็นสมาชิกสหพันธรัฐไท ต่อต้านสถาบันกษัตริย์และรัฐบาล พยานหลักฐานโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์ให้ความสงสัยให้จำเลย ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
ประเด็นที่ 3: พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ
ศาลเห็นว่าเป็นการจัดชุมนุมในระยะ 150 เมตร จากวังสระปทุม และไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งภายใน 24 ชม. ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมฯ
ประเด็นที่ 4: พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
พบเฟซบุ๊กTONY JHAR (โทนี่จา) มีการโพสต์ต่อต้านสถาบันและโพสต์ภาพผังบังคับบัญชาของตร.สน.ปทุมวัน รวมถึงคลิปการชุมนุมวันที่ 5 ธ.ค. ลงในเฟซบุ๊ก โดยจำเลยที่ 6 ยอมรับในชั้นสอบสวนว่าเป็นผู้โพสต์ จำเลยถูกฟ้องความผิดตามข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์กระทบต่อความมั่นคง แต่ศาลเห็นว่าลำพังคลิป ภาพในช่วงเกิดเหตุในคดีและการโพสต์ผังผู้บังคับบัญชาของสถานีตำรวจปทุมวัน ไม่ใช่ข้อมูลตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่กระทบต่อความมั่นคง จำเลยที่ 6 จึงไม่ได้นำเข้าข้อมูลตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่กระทบต่อความมั่น พยานหลักฐานโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์ให้ความสงสัยให้จำเลย ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
พิพากษาว่า จำเลยทั้งหกกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ฐานชุมนุมในระยะ 150 เมตร จากวัง ให้ปรับคนละ 5,000 บาท ไม่แจ้งการชุมนุมภายใน 24 ชม. ให้ปรับคนละ 5,000 บาท รวมโทษปรับจำเลยทั้งหกคนละ 10,000 บาท และยึดของกลาง โดยในวันนี้จำเลยได้เตรียมเงินมาจ่ายค่าปรับเป็นที่เรียบร้อย
.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดคำเบิกความคดีสหพันธรัฐไท ใส่เสื้อดำ-ชูป้ายหน้ามาบุญครอง ก่อนฟังคำพิพากษา 14 ก.ย. 63
1 ปี ความเคลื่อนไหวคดี ‘สหพันธรัฐไท’: ดำเนินคดีอย่างน้อย 20 คน ใน 11 คดี