24 ส.ค. 63 ประมาณ 15.30 น. บริเวณตลาด 100 เสา จังหวัดระยอง ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุม “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก นักกิจกรรมกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ระหว่างจะไปแสดงออกประท้วงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรี ที่เดินทางมาลงพื้นที่ในจังหวัดระยอง เพื่อเตรียมประชุม ครม. สัญจร
หมายจับ 5 ข้อหา คดีชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน
ตำรวจผู้แสดงหมายจับและอ่านข้อกล่าวหา ได้แก่ พ.ต.อ.ธีระพงษ์ เหล่าธนาวิน รองผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 โดยเป็นหมายจับที่ออกโดยศาลจังหวัดธัญบุรี โดยภาณุพงศ์ได้ทำการถือป้ายข้อความ “ถมทะเล 1000 ไร่ ชาวระยองได้อะไร” ขณะตำรวจอ่านหมายจับ ต่อมายังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบจากตำรวจภูธรภาค 1 เข้ามาอ่านหมายจับเดียวกันซ้ำอีกครั้งด้วย
สำหรับคดีที่ถูกออกหมายจับเป็นคดีที่ภาณุพงศ์เข้าร่วมปราศรัยในการชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 โดยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ขอออกหมายจับเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 63 ระบุข้อกล่าวหา 5 ข้อหา
|
เวลา 16.50 น. ภาณุพงศ์ได้ถูกควบคุมตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.เพ อ.เมือง จ.ระยอง โดยในพื้นที่สภ.เพ มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบตรึงกำลังอยู่ประมาณ 10 นาย ก่อนตำรวจจะพาตัวต่อไปยังสภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานีตำรวจพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและทำการสอบสวน
แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมนัดรวมตัวให้กำลังใจหน้าสภ.คลองหลวง
ระหว่างนั้นเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ประกาศนัดหมายให้กำลังใจภาณุพงศ์ ที่หน้าสภ.คลองหลวง ตั้งแต่เวลา 18.00 น.
ตั้งแต่ในช่วง 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการวางแผงเหล็กกั้นหน้าสภ. และไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่สถานีตำรวจ ทั้งยังมีการติดป้ายประกาศเรื่องข้อกำหนดของสภ.คลองหลวง ซึ่งระบุมิให้ผู้ใดประพฤติตนก่อความวุ่นวาย ใช้คำพูดหรือกริยาในทางที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย, ห้ามมิให้ใช้เครื่องขยายเสียง, ห้ามเผยแพร่ภาพและเสียง ถ่ายทอดเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น (live) โดยเฉพาะทางสื่อโซเชียล
เมี่อประชาชนทยอยไปรวมตัวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเปิดเครื่องเสียงที่อ่านข้อกำหนดเกี่ยวกับการชุมนุมซ้ำไปมา
ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการปิดเส้นทางทางเข้า สภ.คลองหลวง 2 จุด ซึ่งเป็นจุดกลับรถ ส่งผลให้รถทุกคันต้องขับขึ้นสะพานซึ่งทางลงจะห่างออกจาก สภ. ไปอีกระยะหนึ่ง ผู้ชุมนุมจึงทวงถามต่อการปิดถนนดังกล่าว ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งบอกว่าอยู่แถวนี้ไม่เคยเห็นมีการปิดมาก่อน
เวลาประมาณ 19.30 น. ภาณุพงศ์ถูกนำตัวมาถึงสภ.คลองหลวง โดยมีทนายความเดินทางติดตามไปถึงราว 20.00 น. โดยต้องมีการเจรจาสักครู่หนึ่ง ก่อนทนายจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานีตำรวจ ต่อมายังมีส.ส. จากพรรคก้าวไกล เบญจา แสงจันทร์ เดินทางมาที่สภ. เพื่อเตรียมใช้ตำแหน่งประกันตัวผู้ต้องหาด้วย
ช่วง 20.35 น. ได้มีการปิดไฟที่หน้าสภ.คลองหลวง ซึ่งทำให้ผู้มาชุมนุมให้กำลังใจภาณุพงศ์ไม่พอใจ ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมยังพยายามทวงถามตำรวจ ถึงเรื่องที่รองผู้กำกับสืบสวนสภ.คลองหลวงออกมาแจ้งในช่วงเย็นว่าจะเปิดกล้องวงจรปิดถ่ายทอดบรรยากาศในห้องสอบสวนให้ประชาชนที่เดินทางมาได้ชมด้วย หลังจากพูดคุย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุญาตให้เพื่อนและบุคคลที่ผู้ต้องหาไว้ใจ รวม 3 คน เข้าไปภายในสถานีตำรวจได้
21.05 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถเครื่องเสียงมาตั้งหน้า สภ. ระบุไม่ให้นำโทรโข่ง เครื่องขยายเสียง เข้ามาบริเวณ สน. โดยอ้าง พ.ร.บ.การใช้เครื่องขยายเสียง ขณะเดียวกันที่ด้านขวางของสถานีตำรวจ ยังพบว่ามีบุคคลนอกเครื่องแบบเข้าติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คล้ายกล้องหันมายังกลุ่มผู้ชุมนุม
ต่อมาราว 21.16 น. สองนักกิจกรรมจากธรรมศาสตร์ ได้แก่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล “รุ้ง” ได้เดินทางมาถึง สภ.คลองหลวง โดยมีผู้ชุมนุมอยู่หน้าสถานีตำรวจประมาณ 100 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทยอยเสริมกำลังเพิ่ม และมีการตั้งกล้องวิดีโอถ่ายภาพผู้เข้าร่วมด้วย
จากนั้น พริษฐ์ได้ปราศรัยเรียกร้องให้ปล่อยตัวภานุพงศ์ และต่อมาได้มีการพยายามดันรั้วเหล็กที่กั้นเข้าไปที่หน้าประตูของสถานีตำรวจ จนได้เข้าไปปักหลักอยู่ที่ด้านหน้าประตูสถานีตำรวจ โดยระหว่างช่วงชุลมุน ปนัสยาได้ล้มลง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งยังมีผู้ชุมนุมคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
.
ราว 22.00 น. ผู้กำกับ สภ.คลองหลวง ได้ออกมาเจรจากับผู้ชุมนุม ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย ยืนหน้าประจันหน้าประชาชน โดยเจ้าหน้าที่พยายามแจ้งให้ผู้ชุมนุมออกไปชุมนุมบริเวณฟุตบาธ แต่ผู้ชุมนุมปฏิเสธ และยังรวมตัวกันอยู่หน้าสถานี ขณะเดียวกันภานุพงศ์ยังได้เขียนหนังสือขอบคุณและยืนยันการต่อสู้ออกมาให้ผู้ชุมนุมบริเวณหน้าสถานีตำรวจด้วย
ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยันใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ด้านในสถานีตำรวจ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการแจ้ง 5 ข้อกล่าวหากับภาณุพงศ์ โดยเขาเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ในคดีเนื่องจากการชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 โดยเจ้าหน้าที่กล่าวหาจากทั้งเนื้อหาของการปราศรัยในเวทีวันดังกล่าว และการถ่ายทอดการปราศรัยบนสื่อโซเชียลต่างๆ ด้วย
ภาณุพงศ์ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยืนยันว่าการกระทำตามข้อกล่าวหาเป็นไปโดยสุจริต ตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ และเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ส่วนรายละเอียดจะขอให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อพนักงานสอบสวนในภายหลัง
ต่อมา เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ใช้ตำแหน่งเพื่อยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวภานุพงศ์ในชั้นสอบสวน แต่เวลาประมาณ 00.30 น. พนักงานสอบสวนยังไม่อนุญาตให้ประกัน โดยระบุว่ายังต้องมีการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างนายประกันกับผู้ต้องหา ตรวจสอบประวัติการต้องโทษคดีอาญาของผู้ต้องหา และตรวจสอบว่ามีหมายจับในคดีอื่นอีกหรือไม่ โดยที่พนักงานสอบสวนระบุจะพาตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรีในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ คดีการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ รังสิต ซึ่งผู้จัดมีการอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องเพื่อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ เป็นครั้งแรกนั้น ยังมีรายงานข่าวว่ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้ขอให้ขอศาลจังหวัดธัญบุรีออกหมายจับผู้ร่วมกิจกรรมจำนวนทั้งหมด 6 ราย นอกจากภาณุพงศ์แล้ว ยังมีปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, อานนท์ นำภา, ณัฐชนน ไพโรจน์, ธนวัฒน์ จันผลึก, สิทธิ์นนท์ หรือไฟช้อน ทรงศิริ