จากกรณีแนวร่วมนิสิตนครสวรรค์เพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับแนวร่วมนวชีวิน และภาคีนักศึกษาศาลายา จัดกิจกรรมชุมนุม #นครสวรรค์จะไม่ทน เพื่อประกาศการไม่ทนกับเผด็จการและความไม่ยุติธรรม และร่วมเรียกร้องจุดยืน 3 ข้อ ร่วมกับกลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2563 ในจังหวัดนครสวรรค์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรายงานสถานการณ์การปิดกั้นและคุกคามจากกิจกรรมดังต่อไปนี้
.
ผู้จัดถูกติดตามถ่ายรูปถึงบ้าน ต้องประกาศย้ายที่จัด เหตุจนท.กั้นล้อมรั้วเหล็กล้อม
กิจกรรม #นครสวรรค์จะไม่ทน เดิมประกาศจัดขึ้นบริเวณหน้าประตู 13 อุทยานสวรรค์ หากตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 2563 พบว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นโดยรอบบริเวณพื้นที่ซึ่งประกาศจัดการชุมนุม ในช่วงเช้ามืดวันถัดมา ยังมีการนำรถดับเพลิง รถตำรวจ และรถผู้ต้องขัง มาจอดไว้บริเวณลานจอดรถหน้าอุทยานสวรรค์ด้วย
ทางผู้จัดกิจกรรมยังเปิดเผยว่ามีรายงานว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะกำหนดให้กิจกรรมเปิดทางเข้าออกเพียงสองช่องทาง และให้มีการตั้งด่านตรวจคนเข้าออก พร้อมตรวจบัตรประชาชน และยังมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่มากกว่า 200 นายมาติดตามกิจกรรม ทำให้ผู้จัดตัดสินใจประกาศย้ายที่จัดกิจกรรม ไปยังบริเวณลานโรงบำบัดน้ำเสียต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอยู่ใกล้กับที่จัดการชุมนุมเดิม
ภาพการตั้งแผงเหล็กปิดกั้นพื้นที่ทางเข้าอุทยานสวรรค์ (ภาพจากเพจแนวร่วมนวชีวิน)
นักศึกษาผู้จัดกิจกรรมยังระบุว่าก่อนหน้าการชุมนุม 2 วัน ระหว่างเขาลงพื้นที่ในอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครสวรรค์ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเขามาทักทาย พร้อมระบุว่ากำลังติดตามเขาอยู่ และได้แจ้งว่าเพิ่งไปถ่ายรูปที่บ้านของเขามา โดยมีการระบุตำแหน่งและลักษณะบ้านให้ฟังอย่างถูกต้องด้วย เจ้าหน้าที่ยังบอกให้ระมัดระวังตัว ไปไหนอย่าไปคนเดียว ทำให้นักศึกษาผู้จัดรู้สึกว่าตนถูกติดตามคุกคาม
มติชนออนไลน์ยังรายงานบรรยากาศการชุมนุมว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อส. เทศกิจ กว่า 500 นาย เข้ามาตรึงกำลังโดยรอบพื้นที่จัดกิจกรรมอีกด้วย และมีการตั้งจุดคัดกรอง สแกนไข้ผู้เข้าร่วม พร้อมกับแจกหน้ากากอนามัย ก่อนจะมาในพื้นที่กิจกรรม
เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบตามขอดูบัตรปชช. ผู้ปราศรัย อ้างเป็น “หน้าใหม่” ยังไม่มีข้อมูล
ภายหลังสิ้นสุดกิจกรรมปราศรัย หนึ่งในนักศึกษาที่ได้ร่วมขึ้นกล่าวปราศรัยในกิจกรรม #นครสวรรค์จะไม่ทน ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าตนได้ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 2 นาย เข้ามาประชิด โดยพยายามสอบถามว่าใช่คนที่เพิ่งขึ้นปราศรัยบนเวทีหรือไม่ จากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่อีกราว 3 นาย เข้ามายืนล้อมฟังการซักถามด้วย
กลุ่มเจ้าหน้าที่พยายามขอดูบัตรประชาชนของนักศึกษาคนดังกล่าว โดยนักศึกษาได้พยายามขอดูบัตรประจำตัว ชื่อ ยศ และสังกัดของเจ้าหน้าที่เช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่แสดงท่าทีปฏิเสธ นักศึกษารายดังกล่าวพร้อมเพื่อนจึงพยายามเดินหนี แต่กลับถูกหนึ่งในเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวเดินติดตาม พร้อมกับถามย้ำเรื่องบัตรประชาชน
ในที่สุด หลังจากต่อรองกันครู่หนึ่ง เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจึงยอมแสดงบัตรประจำตัว ทางผู้ถูกคุกคามจึงได้ถ่ายรูปบัตรประจำตัวของเจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะส่งบัตรประชาชนของตนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
เมื่อได้รับบัตรไป เจ้าหน้าที่นายนั้นได้พิมพ์บันทึกข้อมูลบัตรประชาชนของนักศึกษา ก่อนจะส่งต่อข้อมูลลงทางกลุ่มไลน์ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการถ่ายรูปบัตรประชาชนของนักศึกษาเอาไว้ เจ้าหน้าที่ยังได้บอกอีกด้วยว่า ที่ต้องเก็บข้อมูลของผู้ปราศรัยรายนี้ เพราะเป็น “หน้าใหม่” ต้องนำไปรายงาน “นาย” ในขณะที่ผู้ปราศรัยคนอื่นๆ ทางเจ้าหน้าที่มีข้อมูลหมดแล้ว
(ภาพเหตุการณ์จากผู้ใช้เฟซบุ๊กนกแดง เสรีภาพ)
ขณะเดียวกันภายหลังกิจกรรม ทางเพจ แนวร่วมนิสิต “นครสวรรค์” เพื่อประชาธิปไตย ยังได้เปิดรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยเฉพาะหากมีกรณีถูกคุกคามจากอาจารย์เนื่องจากการเข้าร่วมชุมนุม เพื่อร้องเรียนต่อกรรมาธิการการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎร ให้ทำการตรวจสอบอีกด้วย