30 มิ.ย. 63 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับการเปิดเผยข้อมูลจาก น.ส.กาญจนา พิมพ์จันทร์ นักศึกษาจากคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ว่าวันนี้ในช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวน 1 นาย เดินทางมาที่บ้านของตน เนื่องจากการแชร์โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเรียกร้องความเป็นธรรมให้วันเฉลิม
กาญจนาเปิดเผยว่าในช่วงการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบของนักศึกษาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เธอก็ได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการแสดงออกที่ชื่อว่า #บักขามบ่มักสลิ่ม ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ โดยในครั้งนั้นก็เคยถูกเจ้าหน้าที่ขับรถติดตามไปถึงร้านอาหารหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมีเจ้าหน้าที่รัฐติดตามมาถึงบ้านแต่อย่างใด จนกระทั่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการคุกคามถึงพื้นที่ส่วนตัวเช่นนี้
ภาพกิจกรรมแฟลชม็อบ #บักขามบ่มักสลิ่ม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 63
.
กาญจนาระบุว่าในตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว ต่อมาทราบว่าชื่อร้อยตำรวจเอกวรชัย ได้เข้ามาที่บ้านพูดคุยกับพ่อของเธอสักพักหนึ่งก่อน ต่อมาเมื่อเธอเข้ามาในบ้าน ก็ได้เข้ามาคุยด้วย โดยระบุว่าได้รับคำสั่งจาก “นาย” ให้มาติดตาม อ้างว่ากาญจนาอยู่ในรายชื่อของนักศึกษาที่แชร์โพสต์จากเพจ “กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เพื่อประชาธิปไตย เพชรบูรณ์” ซึ่งมีข้อความตั้งคำถามต่อการถูกอุ้มหายไปของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองไทยในประเทศกัมพูชา ทั้งยังมีข้อความเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันผูกโบว์ขาว และร่วมกันถ่ายรูปเผยแพร่ เพื่อทวงความเป็นธรรมให้วันเฉลิม
กาญจนาได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่ามีการติดตามนักศึกษาจากเพจดังกล่าวมากน้อยเพียงใด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอมเปิดเผยข้อมูล และได้ตั้งคำถามต่อกรณีการหายตัวไปของวันเฉลิมว่าไม่มีใครทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ถ้าปรากฏว่ามีการไปแชร์ข้อความที่ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือเท็จ เจ้าหน้าที่อาจจะสามารถดำเนินการเอาผิดได้
เจ้าหน้าที่ได้เตือนกาญจนาว่าไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และอยากให้หยุดเคลื่อนไหว เพราะยังเป็นนักศึกษามีหน้าที่ในการเรียน อยากให้ตั้งใจเรียนไปก่อน ตำรวจยังขอเธอถ่ายภาพ แต่เธอไม่ยินยอม ทำให้เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอาจจะมาหาอีก เพราะเธอไม่ให้ถ่ายรูป ก่อนจะเดินทางกลับไป โดยใช้เวลาอยู่ที่บ้านประมาณเกือบ 30 นาที
กาญจนาระบุว่าแม้จะเคยอ่านข่าวเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐไปที่บ้านของนักกิจกรรมมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตนเอง แม้จะรู้สึกตกใจอยู่บ้างเหมือนกันในขณะที่พบเจ้าหน้าที่ แต่ตอนหลังก็ไม่ได้มีความกังวล เพราะคิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่ร่วมรณรงค์เรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้ถูกอุ้มหาย และครอบครัวตนก็ไม่ได้ก้าวก่ายต่อความคิดเห็นทางการเมืองของลูก ทำให้พ่อไม่ได้มีปัญหากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
ทั้งนี้ในเวลา 20.30 น. จากการตรวจสอบไม่สามารถเข้าถึงเพจเฟซบุ๊ก “กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เพื่อประชาธิปไตย เพชรบูรณ์” ได้แล้ว