วานนี้ (6 ส.ค.59) ที่ตลาดสดเทศบาลภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังเข้าจับกุม 2 นักกิจกรรมขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) อีสาน หลังทั้งสองคนทำกิจกรรมแจกเอกสารรณรงค์เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารโหวตโนของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ก่อนมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง และต้องใช้เงินประกันตัวรายละ 150,000 บาท
เวลาประมาณ 16.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองนอกเครื่องแบบกว่า 10 นาย นำโดยพ.ต.อ.อร่าม ประจิตร ผู้กำกับสภ.ภูเขียว สนธิกำลังเข้าจับกุมตัวนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายวศิน พรหมณี นักศึกษาคณะวิศวกรรมธรณี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ทั้งสองเป็นสมาชิกของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ในภาคอีสาน ขณะกำลังแจกเอกสารเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ให้พ่อค้าแม่ค้าบริเวณตลาดสดภูเขียว โดยมีการตรวจค้นและยึดเอกสารที่ทั้งสองทำการแจกจ่าย ได้แก่ ความเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 1 เล่ม, เอกสาร 7 เหตุผลที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 128 ชุด และเอกสารแถลงการณ์คณะนิติราษฎร์จำนวน16 เล่ม
ภาพขณะเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าจับกุมตัวสองนักกิจกรรมที่ตลาดสดภูเขียว
จนเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวทั้งสองคนมาถึงสถานีตำรวจภูธรภูเขียว โดนมีนายณัฐวุฒิ วีระชุนย์ นายอำเภอภูเขียว เข้ามาที่สถานีตำรวจด้วย ในช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หนึ่งในผู้ถูกจับกุม ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบอีกกว่า 10 นาย ได้นำหมายศาล ขอเข้าตรวจค้นภายในบ้านของนายจตุภัทร โดยในหมายระบุวัตถุประสงค์การตรวจค้นว่าเพื่อพบและค้นหาเอกสาร ขณะนั้นมีบิดาและมารดาของนายจตุภัทรอยู่ที่บ้าน โดยได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นตามหมาย แต่ก็ไม่พบเอกสารหรือหลักฐานใดๆ
ต่อมาหลังจากการตรวจเอกสาร พนักงานสอบสวนสภ.ภูเขียวได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกจับทั้ง 2 คน ในข้อหาตามพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรค 2 ก่อนจะมีการสอบคำให้การเบื้องต้น โดยทั้งสองคนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ก่อนทั้งสองคนจะถูกนำตัวไปคุมขังในห้องขังของสถานีตำรวจ เบื้องต้นทราบว่าต้องใช้หลักทรัพย์ในการขอประกันตัวรายละ 150,000 บาท ในเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองคนแจ้งว่าจะขอประกันตัวในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
นายอำเภอภูเขียวและผู้กำกับสภ.ภูเขียวขณะตรวจดูเอกสารโหวตโนของกลาง
บิดาของนายจตุภัทร์เข้าเยี่ยมสองผู้ต้องหาขณะถูกคุมตัวอยู่ในห้องขังของสภ.ภูเขียว
ทั้งนี้ ข้อหาตามพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรค 2 ซึ่งระบุว่า “ผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความภาพเสียงในสื่อหนังสือพิมพ์วิทยุโทรทัศน์สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรงก้าวร้าวหยาบคายปลุกระดมหรือข่มขู่โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงหรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียงให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย”
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่าข้อหาดังกล่าวมีการระบุโทษจำคุกไว้ค่อนข้างสูง คือโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ทำให้มีการกำหนดหลักทรัพย์ประกันตัวที่ค่อนข้างสูง ทั้งที่เป็นเพียง “ความผิด” ที่เกิดจากการแสดงออก ทำให้มีลักษณะการกำหนดโทษที่ไม่ได้สัดส่วนกับลักษณะการกระทำผิด เช่น กรณีค้นเจอเอกสารโหวตโนในรถกระบะที่สภ.บ้านโป่ง ศาลจังหวัดราชบุรีให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วยหลักทรัพย์รายละ 140,000 บาท, กรณีแปะใบปลิวโหวตโนที่จังหวัดเชียงใหม่ ใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัว 100,000 บาท หรือกรณีผู้ต้องหาตะโกนชักชวนคนไม่ให้ไปลงประชามติที่จังหวัดอุบลราชธานี ศาลกำหนดหลักทรัพย์ในการประกันตัว 200,000 บาท อีกทั้ง ข้อหานี้ยังถูกนำมาใช้ในลักษณะมุ่งปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะของการวิพากษ์วิจารณ์หรือนำเสนอให้ไม่รับร่างอีกด้วย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง