กองปราบไม่รับแจ้งความ เหตุผู้ลี้ภัย 3 คนหายไปหลังมีข่าวส่งตัวกลับไทย

9 พ.ค. 62 เวลา 18.00 น. ญาติของสยาม ธีรวุฒิ พร้อมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เข้าไปติดตามและแจ้งความการหายตัวไป กรณีมีข่าวส่งตัวผู้ลี้ภัยทางการเมือง 3 คนซึ่งถูกควบคุมตัวจากประเทศเวียดนามและส่งกลับมายังประเทศไทย ได้แก่ ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ นักจัดรายการวิทยุใต้ดินในนาม “ลุงสนามหลวง” พร้อมด้วย สยาม ธีรวุฒิ กับกฤษณะ ทัพไทย เมื่อเวลาบ่ายของวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่พนักงานสอบสวนกองปราบปรามไม่รับแจ้งความ เหตุจากยังไม่ได้รับรายงานการจับกุม

ความเป็นมาของการจับกุมและส่งตัวผู้ลี้ภัยครั้งนี้ มาจากเหตุกลุ่มผู้ลี้ภัยที่แสดงออกตามแนวทางสหพันธรัฐไทได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยมี “ลุงสนามหลวง” เป็นแกนนำ ซึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม 2561 กลุ่มดังกล่าวได้มีปฏิบัติการเชิงสัญลักษณ์ด้วยการสวมเสื้อสีดำและเสื้อที่มีสัญลักษณ์สหพันธรัฐไทตามจุดต่าง ๆ ในประเทศ จนเกิดการกวาดจับประชาชนหลายรายในเวลาต่อมา

หนึ่งในนั้นคือ ลัดดาวัลย์ ชีวสุทธิ์ อายุ 62 ปี และสุทธวัช ชีวสุทธิ์ อายุ 31 ปี ภรรยาและบุตรชายของชูชีพ ซึ่งถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. 61 และได้รับการปล่อยตัวหลักจากนั้นเป็นเวลา 7 วัน พร้อมกับผู้ถูกควบคุมตัวจากกรณีเสื้อสหพันธรัฐไทอีกอย่างน้อย 5 ราย

ทั้งนี้จากการที่ญาติสยาม ธีรวุฒิเข้าไปติดตามที่กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ร้อยเวรกองบังคับการปราบปรามแจ้งว่า หากพิจารณาตามระเบียบแล้วพบว่าถ้ามีการจับกุมจริง หน่วยงานที่จับกุมจะต้องประสานงานกับพนักงานสอบสวน ผู้ออกหมายจับ และนำตัวมาส่งเพื่อดำเนินคดี แต่ตอนนี้ พนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับแจ้ง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุต้องรับแจ้งความ เนื่องจากกองปราบไม่มีหน้าที่ที่จะไปติดตามว่าหน่วยงานไหนจับกุมตัวผู้ต้องหามาหรือไม่ และไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการได้ และหากญาติมีความประสงค์จะแจ้งความเรื่องคนหาย ก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจการสอบสวนของกองบังคับการปราบปราม

กรณีนี้สืบเนื่องจาก ประชาไทรายงานว่า “ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน” ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อสวัสดิภาพของผู้ลี้ภัยทั้ง 3 ราย เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ภัยทางการเมืองที่อาศัยอยู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) อาทิ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซ่ด่าน (78 ปี) ภูชนะ (54 ปี) และสหายกาสะลอง (47 ปี) นักเคลื่อนไหวทางการเมืองก็หายตัวไปโดยไม่มีใครติดต่อได้ ก่อนจะพบศพที่มีการกระทำต่อศพเหล่านั้นอย่างโหดเหี้ยมที่แม่น้ำโขง ต่อมาผลตรวจสอบดีเอ็นเอของสองศพที่พบในแม่น้ำโขงนั้นตรงกับภูชนะและกาสะลอง

ขณะที่ในปี 60 วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ ‘โกตี๋’ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาญาจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ลี้ภัยอยู่ประเทศเดียวกันก็หายตัวไป และก่อนหน้านั้นเพียง 1 ปี อิทธิพล สุขแป้น หรือ ดีเจเบียร์ หรือ ดีเจซุนโฮ ซึ่งลี้ภัยในประเทศเดียวกัน ก็หายตัวไปเช่นเดียวกัน เนื้อหาในการแถลงการณ์บางส่วนระบุว่า

“ชีวิตของมนุษย์ทุกคนมีค่า ในการต่อสู้ทางการเมืองนั้นท่านอาจจะมีความเห็นอย่างโน้นอย่างนี้ อาจจะพูดอะไรที่มันผิดมันเกินมันหนักไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดจะพิจารณาความกันอย่างไรก็ควรจะเป็นไปตามหลักกติกาสากล ให้เขาพิสูจน์ตัวในศาลอย่างที่ถูกต้องเหมาะสมตามหลักการสากลที่เป็นสิทธิที่เป็นประกันให้กับคนไทยทุกคนรวมถึงมนุษยชนทั่วโลก”

ด้านญาติของสยาม ธีรวุฒิ 1 ใน 3 ผู้ลี้ภัยซึ่งเดินทางมาแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามในวันนี้ จะเดินทางไปยื่นหนังสือกับผู้บังคับการกองบังคับการกองปราบเพื่อให้ตรวจสอบและยืนยันการจับกุมสยาม รวมทั้งให้ระบุว่าขณะที่ผู้ลี้ภัยนั้นถูกควบคุมตัวอยู่ ณ ที่ใด ในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค. 62)

X