ไผ่ NDM อีสานไม่ขอประกันตัวหลังศาลอนุญาตฝากขัง กรณีแจกเอกสารโหวตโนที่ภูเขียว พร้อมอดข้าวในเรือนจำ

ไผ่ NDM อีสานไม่ขอประกันตัวหลังศาลอนุญาตฝากขัง กรณีแจกเอกสารโหวตโนที่ภูเขียว พร้อมอดข้าวในเรือนจำ

 

พ่อไผ่

ศาลจังหวัดภูเขียวอนุญาตฝากขัง 2 นักศึกษา กรณีแจกเอกสารโหวตโนที่ตลาดภูเขียว จ.ชัยภูมิ เหตุผู้ต้องหาน่าจะกระทำผิดอาญาร้ายแรง ด้านไผ่ NDM อีสาน ไม่ขอประกัน พร้อมอดข้าวในเรือนจำ ขณะปาล์มขอประกันตัวไปเรียน ศาลอนุญาต

 

8 ส.ค. 59 เวลา 12.20 น. ที่ห้องพิจารณาคดีเวรชี้ ศาลจังหวัดภูเขียว พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรภูเขียว (สภ.ภูเขียว) จ.ชัยภูมิ ยื่นคำร้องขอฝากขัง ‘ไผ่’ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นและนักกิจกรรมขบวนการประชาธิปไตยใหม่อีสาน  และ ‘ปาล์ม’ นายวศิน พรหมณี นักศึกษามหาวิทยาลัยสุรนารี สองผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมขณะเดินแจกเอกสารรณรงค์ประชามติที่ตลาดสดเทศบาลภูเขียว ในเย็นวันที่ 6 ส.ค.59 และถูกควบคุมตัวที่ สภ.ภูเขียว โดยทั้งสองไม่ขอประกันตัว

ในคำร้องขอฝากขังระบุพฤติการณ์ในการเข้าจับกุมว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.59 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเขียว เจ้าพนักงานตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอภูเขียวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีบุคคลมาทำการแจกใบปลิวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ที่บริเวณถนนสาธารณะ ราษฎร์บำรุง ม.1 ต.ผักปัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ จึงร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ ได้พบเห็นผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 กำลังเดินแจกใบปลิวและเอกสารอยู่บนถนนดังกล่าว จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลาง คือ 1. ใบปลิวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 128 แผ่น 2. หนังสือแถลงการณ์คณะนิติราษฎร์ จำนวน16 เล่ม 3. หนังสือความเห็นแย้งคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 1 เล่ม จึงได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 พร้อมของกลาง ในชั้นจับกุมและสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนระบุว่า การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ มาตรา 61(1) และมาตรา 61 วรรค 2 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 25 พ.ศ.2549 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พนักงานสอบสวนให้เหตุผลในการขอฝากขังว่า การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 4 ปาก และรอผลการตรวจประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา นอกจากนี้ ในคำร้องยังระบุด้วยว่า เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวไปเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายประการอื่น และผู้ต้องหาที่ 1 (จตุภัทร์) ถูกอายัดตัวจากสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น (สภ.เมืองขอนแก่น) จากกรณีฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. หากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1 โปรดแจ้งให้สถานีตำรวจภูธรภูเขียวทราบ

ด้านจตุภัทร์ และวศิน แถลงคัดค้านการฝากขัง เนื่องจากพยาน 4 ปาก ไม่เกี่ยวข้องกับรูปคดี และการสอบประวัติ พนักงานสอบสวนสามารถทำได้เองโดยไม่ต้องฝากขัง อีกทั้งตนเองไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และต้องศึกษา ส่วนคดีของ สภ.เมืองขอนแก่น ที่พนักงานสอบสวนกล่าวอ้าง ยังไม่ถูกฟ้อง และเป็นคดีการเมือง

 

 

ศาลพิจารณาจากคำร้องของพนักงานสอบสวนแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญาร้ายแรง ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงเกิน 3 ปี จึงอนุญาตให้ฝากขังในระหว่างสอบสวน เป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 8-19 ส.ค. 59

 

หลังศาลอนุญาตฝากขัง นายวศิน ได้แสดงความจำนงขอปล่อยตัวชั่วคราว ขณะที่นายจตุภัทร์ ไม่ขอปล่อยตัวชั่วคราว ทนายความจึงได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนายวศิน โดยวางเงินสด 150,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ด้านนายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดาของนายจตุภัทร์ ทั้งทำหน้าที่ทนายความของนายจตุภัทร์ และนายวศินด้วย เปิดเผยว่า ตอนเช้าก่อนเดินทางมาศาล พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองเพิ่มเติม และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเรื่องไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ ซึ่งทั้งสองไม่ยอมพิมพ์ เพราะยืนยันว่า ตนเองไม่ผิด ส่วนเรื่องการขอประกันตัวนั้น เดิมทั้งสองคนไม่ขอประกันตัวมาตั้งแต่ชั้นสอบสวน และอดข้าวตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 7 ส.ค. แต่ในการฝากขังนายจตุภัทร์ได้ขอให้นายวศินประกันตัวออกไปเรียน ส่วนนายจตุภัทร์ยังยืนยันที่จะไม่ขอประกันตัวและอดข้าวต่อในเรือนจำ เนื่องจากต้องการยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ทำผิด และต้องการพิสูจน์กระบวนการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

ต่อมา เวลาประมาณ 15.00 น. ศาลจังหวัดภูเขียวมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวนายวศิน และปล่อยตัวที่ศาลจังหวัดภูเขียว ส่วนนายจตุภัทร์ถูกนำตัวไปขังที่เรือนจำอำเภอภูเขียว

หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยศาลนัดหมายให้มารายงานตัวในวันที่ 22 ส.ค. 59 นายวศินได้เปิดเผยว่า ไผ่ จตุภัทร์ ยังฝากข้อความออกมา ถึงผู้มีอำนาจว่า “คุณจะจับก็จับ จะขังก็ขัง แต่เราจะสู้ต่อไป”

ทั้งนี้ การกระทำที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ มาตรา 61(1) คือ ก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมาตรา 61 วรรค 2 คือ ดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง

ก่อนหน้านี้ การแจกเอกสารที่เป็นของกลางในคดีนี้ เป็นเหตุให้มีการจับกุมนักกิจกรรมขบวนการประชาธิปไตยใหม่มาแล้ว 2 กรณี ได้แก่ กรณีการแจกเอกสารที่ตลาดเคหะบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ  และกรณีค้นรถกระบะที่อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี นอกจากนี้ ยังมีกรณีการเข้าแจ้งความนักศึกษาจัดกิจกรรม “พูดเพื่อเสรีภาพ รัฐธรรมนูญกับคนอีสาน?” ที่จังหวัดขอนแก่น โดยที่สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ยืนยันมาโดยตลอดว่า เอกสารดังกล่าวไม่บิดเบือน และไม่หยาบคาย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:  แจ้งข้อหาพ.ร.บ.ประชามติ 2 นักกิจกรรม NDM อีสาน หลังแจกเอกสารโหวตโนในตลาดสด

 

 

 

 

 

X