นานาชาติเรียกร้อง ยุติคุกคามทนายอานนท์ด้วยกระบวนการยุติธรรม

 

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 61 องค์กรภาคีที่สังเกตการณ์การปกป้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (The Observatory for the Protection of Human Rights Defenders หรือองค์กรภาคีฯ) ออกใบแจ้งข่าว เรื่อง การคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมต่อทนายอานนท์ นำภา กรณีศาลทหารเรียกไต่สวนและห้ามเผยแพร่คำเบิกความพยาน คดีแชร์ผังทุจริตราชภักดิ์-กดไลค์-หมิ่นหมา   

ใบแจ้งข่าวขององค์กรภาคีฯ มีรายละเอียดดังนี้

รัฐไทยต้องยุติการคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมต่อทนายอานนท์

องค์กรภาคีฯ ขอประณามการคุกคามทนายอานนท์ ต่อกรณีศาลทหารเรียกไต่สวนทนายอานนท์ เกี่ยวกับการเผยแพร่คำเบิกความพยานของอัยการศาลทหาร ในคดีที่อานนท์ปฏิบัติหน้าที่เป็นทนายความจำเลย  การกระทำดังกล่าวของศาลทหารเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงการละเมิดสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรมของผู้ถูกกล่าวหาและแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมต่อนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยยังคงมีอยู่

องค์กรภาคีฯ จึงขอเรียกร้องให้ทางการไทยหยุดการกระทำที่เป็นการคุกคามทนายอานนท์ทั้งหมด ทั้งในและนอกกระบวนการยุติธรรม เพราะการกระทำนี้ดูเหมือนมีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายความชอบธรรมของเขาในฐานะนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ องค์กรภาคีฯ ขอเรียกร้องอย่างเร่งด่วนให้นานาชาติดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งถึงทางการไทย เพื่อให้ทางการไทยดำเนินการดังต่อไปนี้

  1. ประกันให้เกิดความครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจของทนายอานนท์ นำภา และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ทั้งนี้ ควรดำเนินการในทุกบริบท
  2. หยุดการกระทำอันเป็นการคุกคามในทุกรูปแบบต่อทนายอานนท์และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศ รวมถึงการคุกคามในระดับกระบวนการยุติธรรม และรับรองในทุกบริบทให้พวกเขาสามารถทำกิจกรรมด้วยความชอบธรรม โดยปราศจากอุปสรรคหรือความกลัวจากการตอบโต้กลับของรัฐ
  3. ประกันในทุกบริบทให้บุคคลที่ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม
  4. ปฏิบัติตามเงื่อนไขในพันธกรณีที่ระบุไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติได้ให้การรับรองเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2541 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง[simple_tooltip content=’บุคคลทุกคนมีสิทธิ โดยลำพังหรือร่วมกับผู้อื่นที่จะส่งเสริมและต่อสู้เพื่อให้เกิดการคุ้มครอง และตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ในระดับประเทศและระหว่างประเทศ’]ข้อ 1[/simple_tooltip], [simple_tooltip content=’ด้วยจุดประสงค์ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน บุคคลทุกคนมีสิทธิโดยลำพังหรือโดยร่วมกับผู้อื่น ในระดับประเทศและระหว่างประเทศในการพบหรือชุมนุมกันอย่างสันติ’]ข้อ 5 (ก)[/simple_tooltip] และ[simple_tooltip content=’รัฐต้องดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อประกันให้มีการคุ้มครองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก่บุคคลทุกคน โดยลำพังหรือโดยร่วมกับผู้อื่น จากความรุนแรง การข่มขู่ การตอบโต้ การเลือกปฏิบัติที่เป็นการปฏิบัติโดยพฤตินัยหรือนิตินัย การกดดัน หรือการปฏิบัติโดยพลการอื่นใด ที่เป็นผลจากการที่บุคคลนั้นได้ใช้สิทธิอย่างชอบธรรมตามที่อ้างถึงในปฏิญญานี้’]ข้อ 12.2[/simple_tooltip]
  5. รับรองถึงการเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี 

รู้จักองค์กรด้านการสังเกตการณ์สถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชน

องค์กรภาคีที่สังเกตการณ์การปกป้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (The Observatory for the Protection of Human Rights Defenders) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ.2540) โดยความร่วมมือของสหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล (the International Federation for Human Rigts – FIDH) และ the World Organization Against Torture (OMCT) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันหรือเยียวยาสถานการณ์การปราบปรามต่อนักปกป้องสิทธิมุนษยชน ทั้งนี้ องค์กร FIDH และ OMCT เป็นสมาชิกของกลไกการปกป้องนักสิทธิมนุษยชนของสหภาพยุโรปซึ่งดำเนินการโดยภาคสังคมนานาชาติ

 

ความคืบหน้าคดีแชร์ผังทุจริตราชภักดิ์กดไลค์หมิ่นหมา 

ในส่วนความคืบหน้าการพิจารณาคดีของฐนกร (สงวนนามสกุล) ในการกระทำอันเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 61 อัยการศาลทหารนำสืบพยานปาก พล.ต.ต. สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผู้ซักถามจำเลยระหว่างถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 ร่วมกับ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง เสร็จสิ้น และมีการนัดสืบพยานปากต่อไปในวันที่ 20 ธ.ค. 61 โดยในวันดังกล่าวมีผู้สังเกตการณ์จากสหประชาชาติ (OHCHR) คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) และสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี ทั้งนี้ ศาลยังขอความร่วมมือผู้มาฟังการพิจารณาไม่ให้จดบันทึกการสืบพยานอยู่

 

รายละเอียดเพิ่มเติม

 

 

 

 

X