วันที่ 29 พ.ค. 2567 ศาลจังหวัดพัทยานัดไต่สวนตามคำร้องขอลดค่าปรับตามสัญญาประกัน คดีหมายเลขดำที่ 3537/2552 หมายเลขแดงที่ 8488/2552 ซึ่ง “ดุสิต แซ่ด่าน” นายประกันของ “สุรชัย แซ่ด่าน” หรือ “สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์” จำเลยที่ 9 ในคดีบุกล้มประชุมอาเซียน ปี 2552 เป็นผู้ยื่นคำร้อง เนื่องจากสุรชัย ซึ่งลี้ภัยออกนอกประเทศ และไม่มาศาล จนถูกศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับ และปรับนายประกันรวม 500,000 บาท จนถึงปัจจุบัน สุรชัยถูกบังคับสูญหายไปเกินกว่า 5 ปี และกลายเป็นคนสาบสูญตามคำสั่งศาลแล้ว ขณะที่ยังเหลือค่าปรับนายประกันค้างชำระที่ผู้ร้องยังต้องแบกรับภาระอยู่อีกเกือบ 3 แสนบาท
กรณีนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2562 ศาลจังหวัดพัทยาเคยไต่สวนดุสิตที่ยื่นคำร้องขอลดค่าปรับตามสัญญาประกันไปแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากสุรชัยถูกบังคับสูญหายไปจากที่พักพร้อมคนสนิท 2 คน ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2561 โดยไม่ทราบชะตากรรมของสุรชัย ส่วนคนสนิททั้งสองเสียชีวิตแล้ว พบเป็นศพลอยมาติดตลิ่งริมแม่น้ำโขงในเขตจังหวัดนครพนมในช่วงปลายเดือนธันวาคม ปี 2561
ต่อมาในวันที่ 27 ธ.ค. 2562 ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ไม่ลดค่าปรับนายประกัน เนื่องจากเห็นว่าไม่มีหลักฐานการเสียชีวิตหรือใบมรณบัตรของสุรชัยมาแสดง อีกทั้งคลิปข่าวไทยรัฐทีวีที่อ้างส่งศาลก็ไม่ได้ระบุว่า ศพที่พบเป็นศพของสุรชัย กรณีจึงยังไม่มีเหตุลดค่าปรับตามสัญญาประกัน ทำให้นายประกันยังคงต้องชำระค่าปรับที่เหลืออยู่เกือบ 400,000 บาท ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 ก.พ. 2567 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชนัดไต่สวนตามคำร้องขอให้สุรชัยเป็นคนสาบสูญ หลังจากสุรชัยถูกบังคับให้สูญหายไปเกินกว่า 5 ปี และต่อมาในวันเดียวกัน ศาลมีคำสั่งว่า “นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เป็นคนสาบสูญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 61” และให้ประกาศคำสั่งลงในราชกิจจานุเบกษา ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป กรณีจึงเป็นการพ้นวิสัยที่นายประกันจะติดตามตัวสุรชัยมาได้
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2567 ทนายความของนายประกันจึงยื่นคำร้องขอลดค่าปรับตามสัญญาประกันอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการต้องผ่อนชำระค่าปรับทุกเดือนต่อศาลทำให้ผู้ร้องต้องแบกรับภาระทางการเงินเกินสมควร อีกทั้งที่ผ่านมาผู้ร้องได้ทำการผ่อนชำระค่าปรับตามสัญญาประกันต่อศาลตลอดมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2561 จนถึงปัจจุบันรวมเป็นเงินจำนวนกว่า 200,000 บาทแล้ว แต่ยังเหลือค่าปรับอีกจำนวนมากกว่า 200,000 บาท ที่ผู้ร้องยังคงต้องผ่อนชำระต่อศาลต่อไป สร้างภาระให้แก่ผู้ร้องและครอบครัวอย่างมาก
วันที่ 29 พ.ค. 2567 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดี ทนายความของนายประกันแถลงขอเลื่อนการไต่สวนในคดีนี้ เนื่องจากดุสิตติดธุระสำคัญ จึงไม่สามารถเดินทางมาไต่สวนในวันนี้ได้ แต่ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีสามารถที่จะไต่สวนและมีคำสั่งวันนี้ได้ ไม่มีเหตุให้เลื่อนคดี จึงให้ยกคำร้อง
ศาลได้พิจารณาคำร้องขอลดค่าปรับตามสัญญาประกัน, ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการบังคับคดีผู้ประกันในคดีอาญา พ.ศ.2560, หนังสือสำนักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย 024/ว179(ป) ลงวันที่ 16 ส.ค. 2562 เรื่อง แนวทางการจัดทำรายงานการบังคับคดีเสนอศาลเพื่อพิจารณาสั่งยุติการบังคับคดี และเข้าปรึกษาผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ก่อนมีคำสั่ง สรุปได้ดังนี้
เห็นว่า ผู้ร้องมีหลักฐานเป็นคำสั่งศาลซึ่งแสดงว่า สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ จำเลยที่ 9 ในคดีนี้เป็นคนสาบสูญ ตามสำเนาคำสั่งของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เมื่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคำสั่งให้สุรชัยเป็นบุคคลสาบสูญตามกฎหมาย จึงเป็นที่แน่นอนว่าผู้ประกันจำเลยที่ 9 ไม่สามารถติดตามตัวจำเลยที่ 9 มาศาลตามสัญญาประกันได้
อย่างไรก็ตามจำเลยที่ 9 หลบหนีการดำเนินกระบวนพิจารณาไปเป็นเวลาหลายปี กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้งดค่าปรับผู้ประกันจำเลยที่ 9 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม เห็นสมควรลดค่าปรับผู้ประกันจำเลยที่ 9 คงปรับผู้ประกันจำเลยที่ 9 เป็นเงิน 230,000 บาท ให้ผู้ประกันจำเลยที่ 9 ชำระค่าปรับให้ครบถ้วนตามจำนวนเงินที่ศาลมีคำสั่งต่อไป
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ศาลมีคำสั่งให้จ่ายค่าปรับเป็นรายเดือนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2561 จนปัจจุบัน นายประกันชำระเงินค่าปรับไปแล้วทั้งสิ้น 209,000 บาท จึงขาดชำระค่าปรับอีกจำนวน 21,000 บาท ที่จะต้องผ่อนชำระเดือนละ 3,000 บาท ต่อไปอีก 7 เดือน โดยภาระค่าปรับดังกล่าวมี ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยาคู่ชีวิตของสุรชัย เป็นผู้รับผิดชอบชำระร่วมกับนายประกันอยู่จนถึงปัจจุบัน