ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคดีระเบิดเวที กปปส.ตราด เหตุพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนัก

ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเหตุกราดยิงและระเบิดเวที กปปส.จังหวัดตราดเมื่อกุมภาฯ 57 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 เหตุพยานโจทก์ให้การขัดแย้งกันจึงรับฟังไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ 2และ 3 ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลมีคำสั่งไม่ให้ขังจำเลยทั้ง3ระหว่างรอฎีกา

4เม..2560 ศาลจังหวัดตราดมีนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดียิงและระเบิดเวทีการชุมนุมของ กปปส. ที่จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 22 .. 2557 จำเลยในคดีนี้ได้แก่ นายวัชระ กระจ่างกลาง จำเลยที่ 1 นายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 และนายสมศักดิ์ สุนันท์ จำเลยที่ 3 คดีนี้อัยการฟ้องทั้ง3คนในข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้, พาอาวุธไปในที่สาธารณะ, ร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในการทำความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันยิงปืนในที่สาธารณะ

ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้ในส่วนของนายวัชระ จำเลยที่ 1 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 ปี ในข้อหาครอบครองอาวุธที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ เนื่องจากศาลเห็นว่าคำให้การของพยานโจทก์ขัดแย้งกันจึงไม่สามารถรับฟังได้และการที่โจทก์นำสืบว่าอาวุธที่ตรวจยึดมาได้จากห้องพักของน..จันทนา วรากรณ์สกุลกิจน์(อ่านเพิ่มเติม ที่นี่) เป็นอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ แต่ก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าจำเลยทั้ง 3 คน ได้ครอบครองอาวุธเหล่านี้มาก่อน

ในส่วนข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง3ตามศาลชั้นต้น โดยศาลได้พิจารณาจากการที่จำเลยได้ต่อสู้ว่าคำรับสารภาพของจำเลยไม่ได้มาโดยสมัครใจอีกทั้ง พยานเศก จันทสารก็ได้ให้การมีพิรุธจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวงหรือโดยมิชอบประการอื่น ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 อีกทั้งพยานหลักฐานแวดล้อมที่มีการตรวจพิสูจน์ DNA ก็ไม่ได้ถูกตรวจยึดจากที่เกิดเหตุและโจทก์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพยานหลักฐานเหล่านี้เกี่ยวกับการก่อเหตุอย่างไร

ตามเหตุผลข้างต้นศาลอุทธรณ์จึงได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 3 ในทุกข้อหา ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลได้มีคำสั่งไม่ให้ขังจำเลยทั้ง 3 คนระหว่างรอการฎีกาคดี

คดีนี้อัยการได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้ง 3 คนได้แก่ นายวัชระ นายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ และนายสมศักดิ์ สุนันท์ ได้ร่วมกันพาอาวุธไปบริเวณจัดชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จังหวัดตราด และใช้อาวุธปืนยิงใส่เป็นจำนวนหลายนัดและขว้างระเบิด 2ลูกใส่พื้นที่การชุมนุมดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายได้แก่ ด..ฬิฬาวัลย์ พรหมชัย นางพิศตะวัน อุ่นใจ และด..ณัฏฐ์ชยา รอสูงเนิน และผู้บาดเจ็บสาหัสอีกรวม 9ราย

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26..2559ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา ตัดสินจำคุก 5 ปี นายวัชระ กระจ่างกลาง จำเลยที่ 1 ในข้อหาครอบครองอาวุธที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ส่วนจำเลยที่ 2 สมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ และจำเลยที่ 3 สมศักดิ์ สุนันท์ ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา แต่ศาลได้มีคำสั่งให้ควบคุมตัวในเรือนจำระหว่างรออัยการพิจารณายื่นหรือไม่ยื่นอุทธรณ์ ส่วนอาวุธของกลางให้ยึดไว้ และยกคำร้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียหายทั้ง 7 คนที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาล

นอกจากคดีนี้แล้วนายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ จำเลยที่ 2ในคดียังถูกดำเนินคดีข้อหาครอบครองอาวุธสงครามอีกหนึ่งคดี เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีการครอบครองและเคลื่อนย้ายอาวุธที่เป็นของน..มนัญชยา เกตุแก้วและน..กริชสุดา คุนะแสน ไปส่งต่อให้น..จันทนา วรากรสกุลกิจ อีกทั้งคำฟ้องยังระบุกอีกว่าอาวุธปืนของกลางในคดีได้ถูกนำไปใช้ในเหตุการณ์ของคดีร่วมกันก่อเหตุยิงเวที กปปส. จังหวัดตราดเมื่อกุมภาพันธ์ ปี 2557 ซึ่งเป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาในครั้งนี้ ทั้งนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่สองของนายสมศักดิ์ไปเมื่อ27..2559 เนื่องจากศาลเห็นว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานและหลักฐานยืนยันว่าสมศักดิ์เกี่ยวข้องกับของอาวุธกลางในคดี และคำให้การในชั้นสอบสวนมีการตกลงกับทหารมาก่อนถือเป็นการจูงใจโดยมีผลตอบแทน (อ่านเพิ่มเติม ที่นี่)

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ศาลตราดยกฟ้องจำเลยทั้ง3ข้อหาร่วมกันฆ่าฯ แต่จำคุกจำเลยที่1 5ปี ข้อหามีอาวุธ คดียิงเวที กปปส.ตราดปี 57

ศาลยกฟ้องคดีที่ 2 ของจำเลยคดียิง กปปส.ตราด เหตุถูกทหารชักจูงให้ปรักปรำตัวเองและไม่มีประจักษ์พยาน

X