ช่วงวันที่ 5-10 กันยายน 2564 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งว่า แกนนำกลุ่มเคลื่อนไหว “เยาวรุ่นปลดแอก กาญจนบุรี” และ “เสรีกาญจน์ เพื่อประชาธิปไตย” ต้องประกาศยกเลิกกิจกรรมทางการเมือง เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุกคามอย่างหนัก
.
แกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวเยาวรุ่นปลดแอกกาญจนบุรี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าหน้าบ้านตั้งแต่ตี 5 ก่อนเริ่มกิจกรรม
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2564 เฟซบุ๊กเพจ “เยาวรุ่นปลดแอก กาญจนบุรี” ประกาศจัดกิจกรรมไปหน้าบ้านสมาชิกผู้แทนราษฎร ของจังหวัดกาญจนบุรี หลังโหวตไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยนัดรวมตัวในวันที่ 5 กันยายน 2564 ที่บริเวณหน้าโรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง เวลา 14.00 น. เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติวิธี โดยระบุว่าจะนำกล้วยไปแขวนหน้าบ้าน ส.ส. ดังกล่าว
หลังประกาศจัดกิจกรรมไม่นานนัก ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กาญจนบุรีโทรมาหา “แบงค์” เพื่อจะขอนัดเข้าไปพูดคุยที่บ้าน แต่เขาไม่ยินยอม เพราะเห็นว่าเป็นการคุกคาม เจ้าหน้าที่จึงขอนัดให้ไปพูดคุยกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในวันที่ 5 กันยายน 2564 เวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นวันนัดจัดกิจกรรมแทน
ช่วงเวลา ตี 5 เช้าของวันจัดกิจกรรม “แบงค์” วัย 30 ปี แกนนำกลุ่มเยาวรุ่นปลดแอก กาญจนบุรี เพิ่งเดินทางกลับบ้านหลังจากไปต่างจังหวัด เมื่อถึงหน้าบ้านแบงค์สังเกตเห็นรถยนต์ 2 คัน ของเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายปกครอง และรถยนต์กระบะซึ่งเขามองผ่านกระจกรถเข้าไป เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบนั่งอยู่ 4 คน เต็มคันรถ และหนึ่งในเจ้าหน้าที่ฯ กำลังยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปเขาอยู่
เมื่อสังเกตเห็นเขาพยายามมองอยู่พักหนึ่ง ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ลงมาพูดคุยด้วย เขาจึงเดินเข้าไปในบ้านและประกาศยกเลิกกิจกรรมดังกล่าว โดยคาดว่าถ้าหากรถเจ้าหน้าที่รัฐเลิกเฝ้าหน้าบ้านไปแล้ว จะประกาศกลับมาจัดกิจกรรมอีกครั้ง
จนกระทั่งช่วง 6 โมงเช้า ยังคงมีรถยนต์เจ้าหน้าที่รัฐอยู่หน้าบ้านของเขาอยู่ เขาจึงนอนพักผ่อนและตื่นขึ้นมาช่วงเที่ยง ปรากฏว่ารถยนต์ 2 คันดังกล่าวไม่อยู่แล้ว และเมื่อโทรหาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่นัดพูดคุยที่ร้านกาแฟ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งขอยกเลิกนัดไปก่อน โดยแบงค์คาดว่าเป็นเพราะเขาประกาศยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐจึงหยุดติดตามเขา
อย่างไรก็ตาม แบงค์ไม่รู้สึกกังวลหรือเกรงกลัวแต่อย่างใด เนื่องจากกิจกรรมที่ผ่านมาได้ผลตอบรับเชิงบวกอย่างมาก และจะมีการเคลื่อนไหวต่อไปอีกอย่างแน่นอน
.
แกนนำกลุ่มเสรีกาญจน์ เพื่อประชาธิปไตย ถูกผู้กำกับ สภ.สำรอง บุกถ่ายภาพแม่ที่บ้าน ก่อนต้องประกาศยกเลิกกิจกรรม
สืบเนื่องจาก นายเจษฎา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้อำนวยการเฟซบุ๊กเพจ “เสรีกาญจน์ เพื่อประชาธิปไตย” เคยถูกเจ้าหน้าที่รัฐหลายฝ่ายกว่า 30 นายเข้าคุกคามที่บ้าน เนื่องจากประกาศจัดกิจกรรม “เมืองกาญจน์ทัวร์” เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เวลา 14.00 น.
หลังจากวันกิจกรรมดังกล่าว เพจเสรีกาญจน์ เพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศจัดกิจกรรมอีกหลายครั้ง แต่ละครั้งที่มีการจัดกิจกรรมเขามักจะถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุกคามอย่างหนักมาโดยตลอด แต่งานกิจกรรมยังคงดำเนินการไปตามเดิม
กระทั่งเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 หลังจากสื่อหลายสำนักรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามผู้ชุมนุมที่กรุงเทพฯ อย่างหนัก จนมีผู้ชุมนุมบาดเจ็บจำนวนมาก เพจ “เสรีกาญจน์ เพื่อประชาธิปไตย” ได้ประกาศจัดกิจกรรมอีกครั้ง โดยนัดรวมตัวที่หน้าสถานีตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 8 กันยายน 2564 เวลา 15.00 น. โดยระบุให้เตรียมสี ไข่ น้ำปลาร้า เพื่อแสดงออกยืนหยัดเคียงข้างมวลชนดินแดง ทวงคืนอำนาจประชาชน
นายเจษฎา เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 กันยายน 2564 หลังจากที่มีการประกาศจัดการชุมนุมไม่นาน ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรท่าม่วง ได้โทรมาตักเตือนเรื่องการใช้ถ้อยคำรุนแรงในการโพสต์ โดยเมืองกาญจนบุรีเป็นเมืองที่สงบ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน โดยเจษฎายืนยันว่ากิจกรรมดังกล่าวยังเป็นสันติวิธี
หลังจากนั้น ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีและผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรท่าม่วง ก็โทรมาอีก 4-5 ครั้ง เพื่อสอบถามลักษณะ สถานที่จัดกิจกรรม ถามว่าใครเป็นผู้โพสต์รูปภาพในเพจ โดยแจ้งกับเจษฎาว่ากิจกรรมนี้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งจะต้องรายงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และแสดงความเป็นห่วงกับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เจษฎายังยืนยันว่ากิจกรรมจะเป็นไปอย่างสันติ ปราศจากความรุนแรง หากมีความผิดอย่างไร ก็พร้อมจะต่อสู้ตามกระบวนการของกฎหมาย
ในคืนนั้น เจษฎาได้รับข่าวว่ามีการเตรียมกำลังพล เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ (S.W.A.T.) เข้ามาเข้ามาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเตรียมรับมือกับกิจกรรมดังกล่าว
เมื่อถึงวันที่ 8 กันยายน 2564 วันจัดกิจกรรม ในช่วงเช้ามีรองผู้กำกับ ฝ่ายสืบสวน ของ สภ.เมืองกาญจนบุรี โทรหาเจษฎาเพื่อสอบถามลักษณะกิจกรรม และสถานที่การจัดอีกครั้ง ก่อนทิ้งท้ายว่า “พี่เชื่อใจนะว่าจะไม่มีอะไร”
ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล โทรมาสอบถามเกี่ยวกับกิจกรรมอีก โดยแจ้งว่าจะต้องนำไปรายงาน “นาย” และสอบถามว่าจะมีการจัดกิจกรรมอีกหรือไม่ ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรหาเจษฎาอีกแต่เขาไม่รับสาย
กระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น. ระหว่างที่เจษฎาเตรียมเดินทางไปร่วมกิจกรรม ก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเขา โดยแม่โทรมาบอกว่ามีผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรสำรอง เข้ามาหาเขาที่บ้าน และกำลังนั่งรออยู่กับแม่ในขณะนี้ และถามว่าเจษฎาไปทำอะไรมาหรือไม่ เขาจึงรีบเดินทางไปหาแม่ที่บ้านทันที ระหว่างทางเขาได้โทรหาผู้กำกับ สภ.ท่าม่วง เพื่อทักท้วงเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่มีการยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของเขาอีก แต่ผู้กำกับฯ แจ้งว่าไม่ทราบเหตุการณ์ดังกล่าว
.
เมื่อเจษฎาเดินทางมาถึงบ้านประมาณ 14.30 น. พบว่าผู้กำกับ สภ.สำรอง กำลังเดินออกจากบ้านของเขามาขึ้นรถ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ติดตามอีก 1 คน และขับรถออกไปโดยไม่ได้พูดคุยกับเขาเลยแม้แต่คำเดียว โดยแม่ของเจษฎาเล่าว่าผู้กำกับเข้ามาขอพบเขา และถ่ายภาพคู่กับแม่ไว้ 2 ภาพ ก่อนผู้กำกับฯ จะรับสายโทรศัพท์ และกลับไปในช่วงเวลาเดียวกับที่เจษฎามาถึง
ในช่วงเวลาเดียวกัน ใกล้จะถึงเวลานัดรวมตัวเพื่อจัดกิจกรรมแล้ว แต่เจษฎายังเดินทางไปไม่ถึงสถานที่จัดกิจกรรม เนื่องจากต้องวนกลับมาที่บ้านซึ่งเป็นระยะทางที่ไกล ประกอบกับผู้ร่วมจัดกิจกรรมได้โทรศัพท์คุยกับเจษฎา แจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก ประมาณ 3-4 กองร้อย และกำลังทยอยเข้ามาในพื้นที่อีก ทั้งพบว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ (S.W.A.T.) อยู่อีกด้วย
.
เจษฎาเกรงว่าเขาจะไปไม่ทันเวลาจัดกิจกรรม ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ จึงปรึกษากับทีมผู้จัดกิจกรรม และได้ประกาศ “แกงหม้อใหญ่ หน้ากองกำกับการตำรวจภูธรกาญจนบุรี” ในเวลาประมาณ 15.00 น. เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามเจษฎาไม่กังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันจะจัดกิจกรรมเรียกร้องทางการเมืองต่อไป
.