ศาลทหารให้ประกันตัว ‘ฤาชา’ ผู้ป่วยจิตเภท โพสต์เข้าข่าย 112 เหตุคิดว่าตนเป็นร่างทรงพระแม่ธรณี

ศาลทหารให้ประกันตัว ‘ฤาชา’ ผู้ป่วยจิตเภท โพสต์เข้าข่าย 112 เหตุคิดว่าตนเป็นร่างทรงพระแม่ธรณี

18 พ.ย.59 ศาลทหารกรุงเทพฯ อนุญาตให้ประกันตัวนายฤๅชา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วยหลักทรัพย์เป็นเงินจำนวน 400,000 บาท โดยจำเลยเป็นอดีตทหารยศจ่าสิบเอก และเป็นผู้ป่วยที่มีประวัติการรักษาอาการจิตเภท ถูกกล่าวว่ากระทำผิดจากกรณีการโพสต์เฟซบุ๊กจำนวน 5 ข้อความ โดยจำเลยระบุว่าตนโพสต์เพราะเป็นความต้องการของพระแม่ธรณี

ฤาชา ถูกดำเนินคดีจากการโพสต์ภาพกราฟฟิคที่มีภาพบุคคลและข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวทั้งหมด 5 โพสต์ ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม 2559 โดยเนื้อหาของโพสต์เป็นการเชื่อมโยงระหว่างสถาบันกษัตริย์กับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน จากนั้นเขาถูกจับกุมโดยทหารนาวิกโยธินและตำรวจท้องที่ในตอนเช้าของวันที่ 29 มี.ค.59 ที่อพาร์ทเมนท์ในจังหวัดระยอง โดยถูกยึดโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ไปด้วย

จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวนายฤาชาไปควบคุมไว้ที่มณฑลทหารบกที่ 11 เป็นเวลา 7 วัน แต่ก่อนที่จะนำตัวส่งให้ตำรวจในวันสุดท้ายของการควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ทหารได้ให้จิตแพทย์เข้ามาตรวจอาการของฤๅชาด้วย หลังจากนั้นจึงมีการนำตัวไปควบคุมที่สน.ทุ่งสองห้อง ตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหา แล้วจึงนำตัวไปขออำนาจศาลทหารในการฝากขัง โดยญาติไม่มีเงินในการยื่นขอประกันตัว นายฤาชาจึงถูกคุมขังมาจนถึงปัจจุบัน คดีนี้มีทนายความจากสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย

ภายหลังจากมีการสั่งฟ้องคดีต่อศาลทหาร ทนายความยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ เพราะมีอาการทางจิต ทำให้วานนี้  (17 พ.ย.59) ศาลทหารได้นัดไต่สวนจิตแพทย์ที่เคยรักษาอาการของจำเลย แต่จิตแพทย์ไม่ได้เดินทางมาศาล ทำให้ศาลทหารเลื่อนการไต่สวนออกไปเป็นวันที่ 27 ธ.ค.59 เวลา 13.00 น.

ในวันนี้ ญาติและทนายความจึงได้ยื่นขอประกันตัว ด้วยหลักทรัพย์จำนวน 400,000 บาท โดยเป็นเงินจากกองทุนเพื่อการเข้าถึงความยุติธรรมของนักโทษการเมือง และเงินจากกองทุนของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ร่วมกัน ก่อนศาลทหารจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยในคดีนี้

CxhlN9DWgAAXiFZ

 

สำหรับนายฤาชา อายุ 62 ปี เป็นอดีตทหารยศจ่าสิบเอก ตามประวัติการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ออกให้เมื่อวันที่ 7 เม.ย.59 ระบุว่าเขาเคยเข้ารับการตรวจรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ฯ ตั้งแต่ปี 2554 โดยมีอาการของโรคคือ “พูดคนเดียว พูดเพ้อเจ้อ คิดว่ามีร่างทรง มีไมโครชิพอยู่ในสมอง คิดว่ามีคนอื่นเอาจิตมาฝากไว้ คิดว่าตนเองสามารถล่วงรู้ความหลังของตนเองได้ หูแว่วเป็นเสียงด่าว่าตนเองตลอดเวลาและหงุดหงิดง่าย” โดยจิตแพทย์วินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็น Other nonorganic psychotic disorder ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของโรคจิตเภท

ฤาชาไม่ได้เข้ารับการตรวจรักษาอย่างต่อเนื่อง และจากการพูดคุยกับฤๅชาถึงแรงจูงใจในการโพสต์ภาพข้อความเหล่านั้นในเฟซบุ๊กของตนเอง ฤๅชาเล่าว่าที่เขาทำเพราะเป็นความต้องการของพระแม่ธรณีที่ต้องการให้มนุษย์ทราบเรื่องราวต่างๆ และการที่เขาต้องไปเข้าสถาบันกัลยาณ์ฯ และถูกคุมขังในเรือนจำครั้งนี้ก็เป็นประสงค์ของพระแม่ธรณีที่ต้องการให้เขาได้ศึกษาโลกมนุษย์ และภาพกราฟฟิคที่ทำให้ถูกดำเนินคดีก็เป็นฝีมือของพระแม่ธรณีด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ภายหลังการรัฐประหาร ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่ามีผู้ดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 อย่างน้อย 7 คดี ที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีมีประวัติการรักษาอาการจิตเภท (Schizophrenia) มาก่อน อาการมีทั้งผู้ป่วยที่มีอาการหูแว่วและหวาดระแวง คล้ายมีคนมาพูดอยู่ที่ข้างหู บางรายก็ได้ยินเสียงที่ข้างหูบอกให้ฆ่าตัวตายหรือบอกให้ทำนั่นทำนี่ หรือบางรายก็มีอาการประสาทหลอน คิดว่าตนเองเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติต่างๆ โดยผู้ป่วยลักษณะนี้หลายกรณีดูไม่แตกต่างจากคนปกติ และสามารถสื่อสารกับคนทั่วไปได้ แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาและรับประทานยาสม่ำเสมอ

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

การดำเนินคดี 112 กับผู้ป่วยจิตเภทหลังรัฐประหาร

คุยกับจิตแพทย์: เมื่อผู้ป่วยจิตเภทเผชิญหน้ากับกระบวนการยุติธรรม

 

X