ตำรวจป่วนนักกิจกรรมในชลบุรี สัปดาห์เดียว 2 กลุ่ม! เหตุจัดกิจกรรมแขวนหุ่นประท้วงรัฐบาล “รัฐล้มเหลว ประชาชนล้มตาย”

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งเหตุตำรวจเข้าคุกคาม “กลุ่มฅราม” และ “กลุ่มโกงกาง” สองกลุ่มนักกิจกรรมในจ.ชลบุรี โดยในช่วงยามวิกาลของวันที่ 5 ก.ค. ตำรวจประมาณ 20 นายได้เข้าขัดขวางการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มฅราม พร้อมขอค้นรถนักกิจกรรม และต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ก.ค. ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวน 4 นาย ได้เดินทางมาที่บ้านพักของกลุ่มโกงกาง อ้างว่าสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์และข้อมูลส่วนตัวของนักกิจกรรม ก่อนจะพยายามยึดรถจักรยานยนต์ของนักกิจกรรมรายหนึ่งไปตรวจสอบ โดยอ้างว่ารถคันดังกล่าวมีพิรุธ

ตำรวจเกือบ 20 นายล้อม “กลุ่มฅราม” ระหว่างทำกิจกรรมกลางดึก พร้อมขอตรวจบัตร-ค้นรถ

ระหว่างวันที่ 5 – 6 ก.ค. “เครือข่ายประชาชล” หรือกลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวของนักกิจกรรมในท้องที่จังหวัดชลบุรี ได้ทำกิจกรรมแขวนหุ่นจำลองตัวแทนแต่ละอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัด พร้อมกับข้อความที่สะท้อนความไม่พอใจของประชาชนแต่ละอาชีพ เช่น “ปลามีแต่ขายไม่ได้ เพราะควายอยู่ในสภา” และ “นายทุนผูกขาด พนักงานผูกคอ” 

นอกจากนี้ ยังมีการขึ้นป้ายผ้าที่มีข้อความ “รัฐล้มเหลว ประชาชนล้มตาย” เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ไม่สามารถจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดได้ จนส่งผลกระทบต่อปากท้องของคนชลบุรีอย่างรุนแรง เช่น กลุ่มนักเรียนนักศึกษา ผู้ทำธุรกิจกลางคืน และกลุ่มประมงพื้นบ้าน

 .

ภาพจากเพจ กลุ่มโกงกาง

.

ในฐานะสมาชิกเครือข่ายประชาชล “กลุ่มฅราม” ซึ่งเป็นกลุ่มนักกิจกรรมจากพื้นที่พัทยา ได้ร่วมนำหุ่นจำลองไปแขวนในพื้นที่พัทยาใต้ พัทยากลาง และพัทยาเหนือ ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 5 ก.ค. ในระหว่างที่กำลังเดินทางบนถนนเลียบชายหาดพัทยา สมาชิกกลุ่มฅรามคนหนึ่งสังเกตเห็นชายคนหนึ่งขับจักรยานยนต์ตามหลังมา และเมื่อกลุ่มฅรามกำลังแขวนหุ่นจำลองในเขตพัทยาเหนือ ชายคนดังกล่าวและบุคคลอีกจำนวน 5 – 6 คน ได้เข้ามาสังเกตการณ์และถ่ายรูปกิจกรรมไปด้วย

จนเวลา 23.00 น. กลุ่มฅรามได้เดินทางมาถึงถนนคนเดินพัทยา และเริ่มต้นทำกิจกรรมต่อ ต่อมาในเวลาไม่นานชายจำนวน 11 – 12 คน ภายหลังทราบว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ได้ปรากฏตัวขึ้น และได้ขัดขวางไม่ให้กลุ่มฅรามถ่ายรูปหุ่นจำลองต่อ 

ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่ง ไม่แจ้งชื่อสกุล ยศ และสถานีต้นสังกัด ได้ตรงเข้ามาพูดคุยกับนักกิจกรรม โดยสอบถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ นักกิจกรรมกลุ่มฅรามจึงตอบเป็นทำนองว่า ตนมาทำโครงการส่งอาจารย์ที่คณะ นอกจากนี้ ตำรวจนอกเครื่องแบบยังขอดูบัตรประชาชนของนักกิจกรรมคนดังกล่าว และขอตรวจค้นของในรถ  แต่นักกิจกรรมได้ปฏิเสธทั้งหมด เนื่องจากไม่มีตำรวจนอกเครื่องแบบคนใดแสดงบัตรเจ้าหน้าที่ให้ดูเลย

ต่อมาเวลา 23.20 น. ตำรวจในเครื่องแบบจำนวน 9 นาย ได้เดินทางมาถึงบริเวณดังกล่าว นักกิจกรรมจึงทำการไลฟ์บนเพจเฟซบุ๊กของกลุ่มฅราม ทำให้ตำรวจนายหนึ่งสั่งห้ามบันทึกเหตุการณ์ในขณะนั้น ตำรวจในเครื่องแบบที่ตามมาสมทบนั้นไม่ได้แสดงบัตรหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองเช่นกัน และยังคงเรียกร้องให้นักกิจกรรมกลุ่มฅรามแสดงบัตรประชาชน ซึ่งนักกิจกรรมได้ยืนกรานให้ตำรวจแสดงบัตรประจำตัวก่อน 

ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งได้อ้างว่าตนแขวนป้ายเอาไว้ที่หน้าอกแล้ว ขอให้ประชาชนแสดงบัตรประชาชนเช่นกัน หลังจากนั้นตำรวจในเครื่องแบบได้ขอดูบัตรนักศึกษาของนักกิจกรรม และสอบถามถึงคณะ มหาวิทยาลัยที่เรียน และความถี่ในการทำกิจกรรมเช่นนี้ ซึ่งทางนักกิจกรรมปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล 

ในระหว่างนั้น ตำรวจในเครื่องแบบและตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 ราย ได้พูดหว่านล้อมให้นักกิจกรรมส่งบัตรประชาชนและบัตรนักศึกษาให้อีกครั้ง ตำรวจในเครื่องแบบรายเดิมยังสอบถามเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ของหนึ่งในนักกิจกรรมและคณะที่เรียนอยู่ ในขณะที่ตำรวจคนอื่นยืนกระจายอยู่รอบๆ โดยมีบางส่วนประจำการอยู่ทางด้านหลังของถนนคนเดิน 

เนื่องจากตำรวจไม่ได้แสดงบัตรประจำตัว นักกิจกรรมกลุ่มฅรามจึงขับรถออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวในช่วงเวลา 00.10 น. โดยประมาณ

.

ตำรวจ สภ.แสนสุข บุกบ้าน “กลุ่มโกงกาง” อ้างมาสอบถามเรื่องกิจกรรมแขวนหุ่น ก่อนเปลี่ยนเป็นขอยึดรถจักรยานยนต์ไปตรวจสอบ อ้างพบรถน่าสงสัยระหว่างลาดตระเวน 

ในวันที่ 7 ก.ค. 64 ที่ ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี เวลาประมาณ 14.00 น. สนุกเกอร์ (นามสมมติ) สมาชิกกลุ่มโกงกาง วัย 25 ปี และเป็นนักกิจกรรมในพื้นที่บางแสน ได้พบรถกระบะ 4 ประตู ไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น แต่ระบุเลขทะเบียน “3กฆ4888 กทม.” จอดอยู่หน้าบ้านพักของกลุ่มโกงกาง ภายในรถมีชาย 4 คน และผู้โดยสารคนหนึ่งกำลังถือกล้องหันมาทางหน้าบ้าน สมาชิกกลุ่มโกงกางคนหนึ่งจึงวิ่งออกไปถามคนในรถว่าถ่ายภาพทำไม 

เมื่อเห็นว่าสนุกเกอร์เดินเข้ามาหา ชายทั้ง 4 คนลงจากรถทั้งหมด โดยคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน ใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาว กางเกงยีนส์ขาสามส่วน และสวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน ภายหลังทราบว่าเป็นนายตำรวจยศสิบเอก จาก สภ.แสนสุข ชายคนที่ 2 ซึ่งสูงอายุหน่อย ห้อยป้ายตำรวจ และสวมใส่เสื้อสีดำ ซึ่งมีคำว่า POLICE ปักอยู่ คู่กับกางเกงสีดำ ชายคนที่ 3 สวมเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์ขายาว ส่วนคนสุดท้ายเป็นชายสูงอายุที่ใส่แว่น สวมเสื้อโปโลสีกรมท่ากับกางเกงสีดำ  

หนึ่งในนั้น แจ้งกับสนุกเกอร์ว่าตนเป็นตำรวจ วันนี้เข้ามาสอบถามเรื่องกิจกรรมแขวนหุ่นเชิงสัญลักษณ์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ชายคนหนึ่งได้สอบถามว่า สนุกเกอร์เป็นคนของเครือข่ายประชาชลหรือไม่ และขอตรวจบัตรประชาชนของเขา พร้อมขอหมายเลขโทรศัพท์ โดยอ้างว่าข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มโกงกาง ซึ่งทาง สภ.แสนสุข ต้องรวบรวมนั้น ยังไม่ครอบคลุมสมาชิกที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ตำรวจจึงต้องการข้อมูลติดต่อเพิ่มเติม สำหรับการประสานงานอำนวยความสะดวกให้กับกิจกรรมในอนาคต นอกจากนี้ ตำรวจนายดังกล่าวยังต่อว่ากลุ่มโกงกางว่าได้จัดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย

ในขณะเดียวกัน มีชายอีก 2 คน ตามเข้ามาสมทบตำรวจนอกเครื่องแบบกลุ่มดังกล่าว โดยชายคนหนึ่งไว้ผมสั้น ใส่เสื้อสีชมพู คาดว่าอยู่ในช่วงต้นอายุ 20 ส่วนชายอีกคนหนึ่งดูมีอายุมากแล้ว และใส่หมวกแก๊ป ทั้งสองคนพยายามยื่นโทรศัพท์เข้าไปบ้านเพื่อถ่ายรูปและวิดีโอ ทั้งยังถ่ายรูปบรรยากาศโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นภาพของบ้านจากด้านนอก และสมาชิกกลุ่มโกงกางที่กำลังยืนเจรจากับตำรวจกลุ่มแรกอยู่ 

เมื่อเห็นดังนั้น สนุกเกอร์จึงเดินไปปัดโทรศัพท์ และพยายามถามชายทั้ง 2 คนว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ชายเสื้อชมพูจึงตอบว่าพวกเขาเป็นสื่อมวลชนท้องถิ่น และกล่าวเป็นเชิงข่มขู่ว่า “เจอนักข่าวไป เดี๋ยวก็หนาว” 

เนื่องจากก่อนหน้านี้สมาชิกกลุ่มโกงกางได้คุยกันว่าจะไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับทางตำรวจ และต้องให้เจ้าหน้าที่แสดงบัตรยืนยันตัวตนก่อน จึงไม่มีใครตอบคำถามของตำรวจ สนุกเกอร์เองยังขอให้ตำรวจแต่ละคนแจ้งชื่อกับยศ หนึ่งในนั้นจึงยื่นบัตรตำรวจให้ดู และแจ้งว่าตนเป็นพันตำรวจตรี ดำรงตำแหน่งพนักงานสืบสวน สภ.แสนสุข ส่วนคนอื่น ๆ ปฏิเสธที่จะเผยตัว โดยกล่าวเป็นทำนองว่าแค่ชื่อหัวหน้าชุดก็พอแล้ว 

หลังจากนั้นตำรวจขอให้สนุกเกอร์แสดงบัตรประชาชนอีกครั้ง เขาจึงขอติดต่อทนายความก่อน และยืนยันว่าตนมีสิทธิตามกฎหมายที่จะไม่ให้ข้อมูล เมื่อเห็นว่าสนุกเกอร์ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ตำรวจนอกเครื่องแบบจึงเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก โดยกล่าวเป็นทำนองว่า “เนี่ย ตอนแรกคิดว่าจะเข้ามาคุยกันง่ายๆ” และ “น้องต้องเข้าใจพี่นะ นายพี่สั่งมา พี่เป็นแค่ตำรวจชั้นผู้น้อย ถ้าพี่กลับไปโดยไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย นายพี่ก็ไล่มาอีก” 

จนเวลา 14.30 น. สมาชิกกลุ่มโกงกางคนอื่นๆ ได้ทยอยเดินทางมาสมทบสนุกเกอร์ที่บ้านพัก ตำรวจได้เริ่มเดินมาตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน และกล่าวว่ารถคันดังกล่าวดูน่าสงสัย เนื่องจากเป็นรถไม่มีทะเบียน ตำรวจอ้างว่าในช่วงนี้มีเหตุการณ์ลักขโมยเกิดขึ้นบ่อยในชลบุรี จึงจำเป็นต้องยึดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาตรวจสอบ โดยพูดเป็นทำนองว่า “ดูซินี่รถไม่มีทะเบียน ต้องยึด” 

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น สนุกเกอร์จึงทำการไลฟ์บนเพจเฟซบุ๊กของกลุ่มโกงกาง ตำรวจรายหนึ่งได้โวยวายว่า “คุณไลฟ์แบบนี้ให้คนอื่นเห็นได้ยังไง” แต่หลังจากที่สมาชิกกลุ่มโกงกางคนหนึ่งกล่าวว่ายอดผู้ชมไลฟ์ตอนนี้มีจำนวนมากแล้ว ตำรวจได้กดเข้าไปดูไลฟ์ในเพจของกลุ่ม และปรับเปลี่ยนลักษณะการพูดให้สุภาพเป็นมิตรมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  

ในระหว่างนั้นมีชายอีกคนหนึ่ง สันนิษฐานว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ติดตามเข้ามาสังเกตการณ์เหตุที่หน้าบ้านของกลุ่มโกงกางเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์ออกไป 

ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ทนายจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนได้โทรศัพท์ไปหาสนุกเกอร์ โดยให้คำแนะนำว่า ให้แสดงเอกสารยืนยันความเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวก่อน และเนื่องจากเจ้าของรถคือบิดาของสนุกเกอร์ ทนายจึงขอให้เขานำบัตรประชาชนไปเทียบกับชื่อ-สกุลที่ปรากฏบนเอกสาร 

ในระหว่างนั้นเอง พนักงานสืบสวนได้ติดต่อกรมการขนส่งเพื่อให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลในระบบ โดยอ้างว่าจำเป็นต้องสงสัยไว้ก่อนว่าเป็นรถที่ใช้ในการกระทำความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด เพื่อผลประโยชน์ของสังคม เนื่องจากตอนนี้อัตราการก่ออาชญากรรมในบางแสนเพิ่มสูงขึ้น

ในระหว่างการตรวจสอบรถ สมาชิกกลุ่มโกงกางคนหนึ่งได้ถามตำรวจว่า เข้ามาในพื้นที่ส่วนบุคคลทำไม เจ้าหน้าที่จึงตอบว่าตนกำลังลาดตระเวน บังเอิญเข้ามาในหมู่บ้านนี้ และพบรถจักรยานยนต์มีลักษณะน่าสงสัยจอดอยู่หน้าบ้าน จึงขอเข้ามาตรวจสอบ นอกจากนี้ ตำรวจยังระบุว่าตนไม่แต่งเครื่องแบบมา เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนทราบว่ากำลังอยู่ในระหว่างการลาดตระเวน 

ต่อมา ตำรวจนายหนึ่งเห็นรถป๊อปคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน จึงถามหาเอกสารยืนยันการเป็นเจ้าของรถคันนั้นด้วยเช่นกัน เจ้าของรถซึ่งคือเพื่อนของสนุกเกอร์แจ้งว่าตนซื้อรถคันนั้นมาโดยไม่มีสัญญาใดๆ และปัจจุบันรถคันนี้ใช้การไม่ได้แล้ว สนุกเกอร์จึงอธิบายกับเจ้าหน้าที่ ว่ารถคันนี้ไม่สามารถใช้ขับขี่ได้ ทำให้ไม่สามารถยึดไปตรวจสอบได้

เมื่อเวลา 15.44 น. รถกระบะยี่ห้ออิซูซุติดตราสัญลักษณ์ตำรวจ ไม่ทราบรุ่น เลขทะเบียน “6 กจ 8506” ได้เข้ามาจอดหน้าบ้านกลุ่มโกงกาง ภายหลังพบว่าเป็นตำรวจจราจรจาก สภ.แสนสุข ซึ่งเดินทางเข้ามาตรวจสอบรถจักรยานยนต์และรถป๊อป ในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทะเบียนรถ สมาชิกกลุ่มโกงกางคนหนึ่งได้สอบถามตำรวจจราจรว่าหากเจอคนแอบอ้างว่าเป็นสื่อมวลชน ควรจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตำรวจจราจรได้ปฏิเสธที่จะให้คำตอบ โดยเกรงว่าตนจะให้ความรู้ที่ผิดๆ แก่สาธารณะ 

หลังจากการตรวจสอบทะเบียนเสร็จสิ้นลง ตำรวจกล่าวกับพนักงานสอบสวนกับสมาชิกกลุ่มโกงกางว่าไม่พบปัญหาใดๆ ในช่วงเวลาประมาณ 16.20 น.  ตำรวจชุดต่างๆ จึงได้ทยอยเดินทางออกจากพื้นที่

ตลอดระยะเวลาที่ตำรวจคุยกับสมาชิกกลุ่มโกงกาง ชายทั้ง 2 คนที่อ้างต่อเป็นสื่อมวลชน ได้เข้ามาพูดคุยกับตำรวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องอย่างใกล้ชิด ทั้งตำรวจและชายทั้ง 2 คนได้ยื่นโทรศัพท์ของกันและกันให้ดู ด้วยความสงสัย สนุกเกอร์และเพื่อนจึงขอให้ทั้งสองคนแสดงบัตรสื่อ รวมไปถึงสังกัด และเพจเฟซบุ๊กของสำนักข่าวของตน แต่ทั้งสองปฏิเสธที่จะพูดคุยกับกลุ่มโกงกาง

เหตุการณ์คุกคามที่บ้านพักดังกล่าว ได้สร้างความกังวลให้กับกลุ่มโกงกาง โดยสมาชิกกลุ่มต่างกังวลว่าตำรวจจาก สภ.แสนสุข จะกลับเข้ามาพร้อมหมายค้นอีกครั้ง และยังไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นอีก 

ทั้งนี้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2564 ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพิ่งปรากฏกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าติดตามสอดแนมและคุกคามการจัดกิจกรรมค่ายอบรมเรื่องรัฐสวัสดิการ “Will be Welfare” โดยกลุ่มคนพัทยาปลดแอกและกลุ่มฅราม รวม 4 วันติดต่อกัน 

ย้อนดูรายงานข่าว ตร.ติดตามคุกคามกลุ่มพัทยาปลดแอก ถามข้อมูลซ้ำๆ 4 วันติด ระหว่างจัดอบรมรัฐสวัสดิการ

ขอขอบคุณภาพจากเพจ คนพัทยาปลดแอก

.

X