จับตา ฟังคำพิพากษาฎีกาคดี “อาร์ม” ม.112 ทำคลิป TikTok คุยหยอกแมว หลังศาลอุทธรณ์แก้เป็นไม่ให้รอลงอาญา

วันที่ 4 มิ.ย. 2568 เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดกำแพงเพชรนัดฟังคำพิพากษาฎีกาในคดีของ “อาร์ม” (สงวนชื่อสกุล) ประชาชนจากเกาะพะงันวัย 23 ปี ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เหตุจากการถูก พุทธ พุทธัสสะ ชาวจังหวัดกำแพงเพชร ไปแจ้งความกล่าวหาจากการเผยแพร่คลิปวิดีโอกล่าวถ้อยคำหยอกล้อกับแมวในแอพพลิเคชั่น TikTok

สำหรับอาร์ม เคยประกอบอาชีพเป็นเด็กปั๊มน้ำมันในกรุงเทพฯ ก่อนจะโยกย้ายไปอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ช่วงเวลาหนึ่ง ระหว่างนั้น เขาเคยเป็นนักร้องที่ทำคลิปเพลงเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ก่อนจะย้ายไปทำงานเป็นนักร้องในร้านอาหารอยู่ที่เกาะพะงันตั้งแต่ช่วงปี 2564

คดีนี้อาร์มไม่เคยรู้จักผู้กล่าวหาและไม่เคยเดินทางมาที่จังหวัดกำแพงเพชรมาก่อน แต่เขาถูกตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร ออกหมายเรียกและเดินทางเข้ารับทราบข้อหาเมื่อช่วงต้นปี 2565

คลิปวิดีโอใน TikTok ที่ถูกกล่าวหา ถูกโพสต์เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2564 เป็นคลิปขนาดสั้นความยาว 14 วินาที มีเนื้อหาเป็นการพูดคุยหยอกล้อกับแมวที่วิ่งผ่านไป ผู้กล่าวหาอ้างว่าถ้อยคำของจำเลยที่พูดในคลิปเป็นการจาบจ้วงหมิ่นประมาท ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ทำให้รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียง

ก่อนเริ่มการสืบพยาน เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2566 อาร์มได้ตัดสินใจกลับคำให้การเป็นรับสารภาพตามข้อกล่าวหา ศาลจึงสั่งให้สืบเสาะพฤติการณ์จำเลยเพิ่มเติม

วันที่ 8 ส.ค. 2566 ศาลจังหวัดกำแพงเพชรพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยเห็นว่าจำเลยมีอาชีพและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงอาจไม่เกิดผลดีต่อสังคมหากจำคุกไว้ เห็นควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ มีกำหนด 2 ปี และให้คุมประพฤติ 1 ปี และให้ทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์เป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมง

ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชรได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา โดยขอให้ศาลไม่รอลงอาญาจำเลย จนเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2567 ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้แก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือจำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว จำเลยควรสังวรและตระหนักรู้ก่อนกระทำความผิด เพื่อให้จำเลยหลาบจำและมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น พิพากษาแก้เป็นไม่รอการลงโทษจำคุกและไม่คุมความประพฤติจำเลย

วันดังกล่าว ศาลจังหวัดกำแพงเพชรมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยระหว่างฎีกา โดยให้วางหลักประกันจำนวน 150,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์

จากนั้น อาร์มได้ยื่นฎีกาคำพิพากษา ขอให้ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาเป็นไปตามศาลชั้นต้น โดยหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษา จำเลยก็ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขศาล และพนักงานคุมประพฤติอย่างเคร่งครัด ทั้งไม่เคยกระทำเช่นเดิม ได้ทำงานช่วยเหลือสังคม ร่วมกิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ และร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในหลวง พร้อมได้ยื่นฎีกาขออภัยโทษเพิ่มเติม โดยจำเลยเป็นผู้หารายได้หลักในการเลี้ยงดูครอบครัว โดยเฉพาะยายอายุ 59 ปี และหลานชาย โดยทั้งสองคนไม่มีรายได้ประจำ จำเลยต้องหารายได้ส่งกลับไปที่บ้านทุกเดือน การคุมขังจำเลยย่อมส่งผลกระทบต่อตัวจำเลยและครอบครัวต่อไป

.

ทั้งนี้ เท่าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนทราบข้อมูล มีคดีมาตรา 112 ที่จังหวัดกำแพงเพชรในช่วงหลังปี 2563 เป็นต้นมา จำนวนอย่างน้อย 5 คดี มีผู้ถูกดำเนินคดี 5 ราย ทั้งหมดเป็นคดีที่มีบุคคลทั่วไปไปแจ้งความกล่าวหาไว้ที่สถานีตำรวจต่าง ๆ โดยมีพฤติการณ์เป็นการโพสต์คลิปหรือข้อความลงในสื่อโซเชียลมีเดีย

ในชั้นศาล จำเลยทั้ง 5 คดี ตัดสินใจให้การรับสารภาพทั้งหมด และศาลจังหวัดกำแพงเพชรพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกไว้ทั้งหมดเช่นกัน

ต่อมาพบว่ามีเพียงคดีของ “อาร์ม” เพียงคดีเดียว ที่อัยการอุทธรณ์คำพิพากษาต่อ ขณะที่ในอีก 4 คดีนั้น อัยการไม่ได้อุทธรณ์ต่ออีก ทำให้คดีสิ้นสุดลงทั้งหมดแล้ว ส่วนคดีของอาร์ม กลับกลายเป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้น จนต้องติดตามคดีต่อในชั้นฎีกา

.

X