จับตา! 15 ก.พ. นัดฟังคำพิพากษา คดี ม.112 “ปูน ธนพัฒน์” โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว-ตลาดหลวง แม้รับสารภาพและขอเข้ามาตรการฯ  แต่ศาลไม่มีคำสั่งให้เข้าในทันที

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2566 เวลา 09.00 น. ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในคดีของ “ปูน” ธนพัฒน์ (สงวนนามสกุล) เยาวชนนักกิจกรรม อายุ 19 ปี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากเหตุโพสต์ลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส – ตลาดหลวง” และโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวซึ่งตั้งค่าเป็นสาธารณะ 

ย้อนไปเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564 ธนพัฒน์เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาในคดีนี้ที่ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยมี พสิษฐ์ จันทร์หัวโทน เป็นผู้กล่าวหา ก่อนพบว่าเขาถูกกล่าวหาจากการโพสต์เฟซบุ๊ก 8 ข้อความ ตั้งแต่ในช่วงเดือนธันวาคม 2563 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ในกลุ่มตลาดหลวงและเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยทั้งหมดเป็นโพสต์ในขณะที่ยังอายุไม่ถึง 18 ปี ทำให้ธนพัฒน์ถูกดำเนินคดีในฐานะเยาวชน

ในวันดังกล่าว พนักงานสอบสวนนำตัวธนพัฒน์ไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนราธิวาสเพื่อขอฝากขัง ซึ่งศาลก็มีคำสั่งอนุญาต ทำให้ธนพัฒน์ถูกส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.นราธิวาส ก่อนศาลจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวด้วยวงเงิน 10,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์

ในชั้นสอบสวน ธนพัฒน์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 

คดีนี้ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 2 มีคำสั่งฟ้องในวันที่ 11 ก.พ. 2565 โดยต้องฟ้องคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในกรุงเทพฯ ซึ่งเยาวชนมีภูมิลำเนาอยู่ อัยการบรรยายฟ้องมาทั้งสิ้น 6 กรรม 

โดยมีทั้งข้อความวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความสัมพันธ์ของสถาบันกษัตริย์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์เชิงรัก และความสัมพันธ์ในราชวงศ์ รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นเรื่องการสั่งทำร้ายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากคดี มาตรา 112 อัยการระบุว่า ข้อความเหล่านั้นเป็นการใส่ความพระมหากษัตริย์และพระราชินีต่อบุคคลที่สามซึ่งได้อ่านถ้อยคำดังกล่าว โดยประการที่น่าจะทำให้พระมหากษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง

ในวันที่ 19 ม.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานครั้งแรก ธนพัฒน์เดินทางมาศาลเพียงคนเดียว เนื่องจากผู้ปกครองไม่สามารถเดินทางมาได้ ศาลเห็นว่าธนพัฒน์มีอายุ 18 ปีเศษและมีที่ปรึกษากฎหมายดูแล จึงอนุญาตให้พิจารณาคดีโดยไม่มีผู้ปกครอง

หน้าห้องพิจารณาคดีที่ 2 มีตัวแทนจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล, ตัวแทนจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และ “เพชร” ธนกร เยาวชนนักกิจกรรมที่ถูกกล่าวหาในคดี มาตรา 112 เข้าร่วมสังเกตการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ศาลปฏิเสธไม่ให้เข้าห้องพิจารณาคดี

หลังจากการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น ทราบรายละเอียดในเบื้องต้นว่า ธนพัฒน์ได้แถลงขอกลับคำให้การเดิม เป็นรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ และขอศาลให้ใช้มาตรการพิเศษแทนการพิพากษาคดี 

พนักงานอัยการแถลงต่อศาลว่า หากศาลจะให้ทำแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูจำเลย ก็ไม่คัดค้าน 

หลังจากศาลรับฟังความเห็นของผู้อำนวยการสถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร และออกจากห้องพิจารณาไปปรึกษาอธิบดีแล้ว ศาลให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 15 ก.พ. 2566 เวลา 9.00 น. เพื่อไปดูมาตรการต่างๆ ก่อน

ธนพัฒน์เปิดเผยภายหลังออกจากห้องพิจารณาคดีว่าการถูกดำเนินคดีทำให้ได้รับผลกระทบในเรื่องการเรียน เนื่องจากต้องหยุดเรียนเพื่อมาปรากฎตัวต่อศาลตามนัด และเห็นว่าในกระบวนการยุติธรรมของศาลเยาวชนซึ่งหน่วยงานรัฐพยายามออกแบบให้เป็นมิตรกับเด็กและเยาวชน ก็ยังคงมีโครงสร้างเชิงอำนาจที่กดทับตัวเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นจำเลยอยู่

การถูกดำเนินคดีจากการโพสต์ข้อความลงโซเชียลมีเดีย ทำให้ธนพัฒน์โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและสถาบันกษัตริย์น้อยลง แต่ก็ไม่ใช่ไม่โพสต์เลย เขาเล่าว่า ในสมัยก่อนการวิพากษ์วิจารณ์ของเขาอาจจะไม่ได้เป็นวิชาการมาก แต่ปัจจุบันเขาได้ปรับเปลี่ยนโดยโพสต์ในทางวิชาการมากขึ้น เนื่องจากเขายังเชื่อว่าการโพสต์หรือแสดงความคิดเห็นยังสามารถทำได้ ในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมีข้อสังเกตว่า แม้ธนพัฒน์จะให้การรับสารภาพ และขอเข้ามาตรการพิเศษแทนการพิพากษา แต่ในวันดังกล่าว ศาลกลับไม่มีคำสั่งว่าจะให้ธนพัฒน์เข้ามาตรการแทนการพิพากษาหรือไม่

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน คดีของเยาวชนอื่นที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 เมื่อเด็กและเยาวชนให้การรับสารภาพ ศาลก็มีคำสั่งอนุญาตให้เข้ามาตรการทันทีในวันที่รับสารภาพ ให้ตั้งผู้ทำแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูของเด็กและเยาวชนที่เข้ามาตรการพิเศษ และนัดเยาวชนมาฟังแผนดังกล่าวในอีกประมาณ 1 เดือน เช่น  “ไอซ์” เยาวชนวัยย่าง 15 ปี พกป้ายข้อความก่อนมีขบวนเสด็จ, “ภัทร” เยาวชนอายุ 16 ปี โพสต์ภาพและข้อความวิพากษ์วิจารณ์รัชกาลที่ 9, และ “โป๊ยเซียน – เสกจิ๋ว” สองเยาวชนที่ถูกกล่าวหาพ่นสีและจุดไฟใส่รูปหน้าศาลฎีกา เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากกรณีของธนพัฒน์อย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ ธนพัฒน์ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ทั้งหมด 3 คดี โดยคดีแรก ถูกดำเนินคดีจากกรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมอยู่ในการเผาพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณป้ายเรือนจำคลองเปรม คดีนี้อยู่ระหว่างรอการสืบพยานที่ศาลอาญาในวันที่ 23-24 และ 28 ก.พ.- 2 มี.ค. 2566 นี้  ส่วนอีกคดีหนึ่งถูกกล่าวหาจากการปราศรัยในการชุมนุม #ราษฎรประสงค์ยกเลิก112 วันที่ 31 ต.ค. 2564 ที่สี่แยกราชประสงค์ ทั้งสองคดีนี้ปูนอายุเกิน 18 ปี ในวันเกิดเหตุแล้ว

X