บันทึกเยี่ยม: ทะลุแก๊สเผยถูกตามติด-ถ่ายภาพชีวิตในเรือนจำ จนอึดอัด พร้อมชวนจับตาถูกเบิกตัวไปศาลอาญา 5 ก.ย. นี้

เมื่อวันที่ 25 และ 29 ส.ค. 2565 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกคุมขังและไม่ได้ประกันตัวระหว่างต่อสู้คดี จำนวน 6 คน ได้แก่ คทาธรและคงเพชร จากกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมถึงผู้ต้องขังกลุ่มทะลุแก๊ส จำนวน 4 คน ได้แก่ “หนึ่ง” เกตุสกุล, “หิน” อัครพล, “ดิว” สมชาย และ “คิม” ธีรวิทย์

‘คทาธร – คงเพชร’ ผู้ถูกขัง ‘นานที่สุด’ ในคุกพลเรือน เผยรู้สึกดีใจที่ประยุทธ์ถูกศาลรธน.สั่งหยุดบทบาทนายกฯ ชั่วคราว

คทาธร
คงเพชร

คงเพชร’ เผยว่า ตอนนี้กินอาหารได้เป็นปกติแล้ว สุขภาพจิตและกำลังใจดีขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นข่าวเรื่องประยุทธ์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ระหว่างรอวินิจฉัยคำร้องกรณีดำรงตำแหน่งครบกำหนด 8 ปีตามที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้หรือไม่ แต่ดูข่าวจากทีวีได้เพียงแป๊ปเดียว เรือนจำก็เปลี่ยนไปดูช่องอื่น คงเพชรจึงไม่ได้ทราบรายละเอียดมากนักว่าเรื่องเป็นอย่างไรต่อไป

คงเพชรฝากถึงคนข้างนอกว่า “โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว สู้ๆ ครับ, ขอให้งดใช้ความรุนแรงด้วยนะครับ” และยังได้ฝากข้อความจากหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาสะดุดตาและชอบมาอีกด้วย ความว่า 

“แม้แต่แม่ทัพยังถูกจับเป็นเฉลยศึกได้ แต่อุดมการณ์ของชายชาตรีไม่มีวันสลายแน่นอน”

ครั้งล่าสุดที่ทนายไปเข้าเยี่ยมคงเพชรเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา พบว่า คงเพชรไม่สบายและมีไข้ขึ้นสูงมา ประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว โดยมีอาการไอร่วมด้วย แต่ยังตรวจไม่พบว่าติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด สถานพยาบาลในเรือนจำได้จ่ายยาพาราให้ เขาอาการดีขึ้นตามลำดับแล้ว 

เช่นเดียวกับ ‘คทาธร’ ที่เล่าว่า รู้สึกมีกำลังใจดีขึ้นมากๆ เมื่อเห็นข่าวที่ประยุทธ์ถูกสั่งให้หยุดบทบาทการเป็นนายกฯ ถึงแม้จะเป็นการชั่วคราวก็ตาม แต่เขาเองคิดว่านี่เป็นสัญญาณที่ดีต่อทิศทางทางการเมืองไทย 

นอกจากนี้คทาธรยังเล่าเสียงเบาว่า “เขารู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่เรือนจำ” ใจจริงอยากเล่ารายละเอียดให้ทนายฟังทั้งหมดตอนนั้นเลย แต่ก็ไม่รู้ว่า ถ้าพูดออกไปเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง 

สุดท้ายเขาฝากขอบคุณทุกคนที่ส่งจดหมายมาให้ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก

“หนึ่ง” เกตุสกุล – อยากกลับบ้านไปดูแลครอบครัว หลังรู้ข่าวว่า ‘แม่เดินไม่ได้-น้องสาวตั้งท้อง’

หนึ่ง เกตุสกุล

ทนายเล่าว่า หนึ่งดูเครียดและเป็นกังวลมากกว่าครั้งก่อนๆ ที่เคยเจอกัน หนึ่งบอกว่า ยังรอการประกันตัวอยู่ ไม่นานมานี้ น้องสาวของหนึ่งมาเข้าเยี่ยมและบอกกับเขาว่า “แม่เดินไม่ได้ ไม่รู้เป็นอะไร” ส่วนตอนนี้น้องสาวเองก็ตั้งท้องอยู่ด้วย เมื่อรู้ดังนั้นหนึ่งจึงรู้สึกเครียดมาก คิดแต่ว่า อยากรีบออกไปดูแลหลานที่ใกล้จะคลอดออกมาลืมตาดูโลก และอยากดูแลแม่ด้วย 

จากเรื่องกวนใจข้างต้น ทำให้พักนี้หนึ่งนอนไม่ค่อยหลับและมักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ตอนตี 2-3 เรียกได้ว่าแทบจะทุกวันก็เป็นได้ ขณะเดียวกัน หนึ่งบอกว่า คิดมากจนรู้สึกปวดหัวจริงๆ จนขอยาแก้ปวดจากเรือนจำมากินบรรเทาอาการปวดแทบทุกวัน

อย่างไรก็ดีหนึ่งยังคงกินอาหารได้ตามปกติ โดยจะกินข้าวเที่ยงเพียงมื้อเดียว สุดท้ายเขาฝากบอกทุกคนที่ห่วงใยและส่งจดหมายถึงเขาว่า “เขาได้รับจดหมายแล้ว ขอบคุณทุกคนมาก เดี๋ยวออกไปช่วยทุกคน”

“หิน” อัครพล – เผยถูกผู้คุมเรือนจำตามติด – ถ่ายภาพชีวิตทะลุแก๊สในเรือนจำ แต่ยังไม่รู้เจตนา

หิน อัครพล

หินเล่าว่า รู้สึกเครียดอยู่เรื่องเดียวว่า ‘จะได้ออกไหม’ ช่วงนี้นอนหลับบ้างไม่หลับบ้าง อยู่ดีๆ ก็ตื่นตอนช่วงตี 1-2 แต่โดยรวมคิดว่าสภาพจิตใจของตัวเอง ‘โอเคขึ้น’ 

หินพอรู้ข่าวคราวภายนอกบ้าง เพราะเรือนจำเปิดทีวีให้ดูรายการข่าวในช่วงกลางวัน ตอนอยู่โรงเลี้ยง ช่วงนี้เจ้าหน้าที่เรือนจำมาถ่ายรูปตอนเราทำกิจกรรมต่างๆ แรกๆ พวกเราก็รู้สึกอึดอัด เพราะไม่รู้ว่าถ่ายไปเพื่ออะไร ก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ มีเพื่อนไม่สบาย เจ้าหน้าที่เรือนจำก็ให้กินยาอย่างเดียว ไม่ได้พาไปหาหมอ คนที่มีอาการเหมือนติดโควิดก็ไม่สนใจ เราต้องดูแลกันเอง แต่โอเคขึ้นแล้วเพราะมีเพื่อนทะลุฟ้ามาอยู่ด้วย 

หินได้รับจดหมายแล้ว เขาบอกว่า จดหมายทำให้เรารู้สึกดีขึ้น คนที่ไม่รู้จักเรา แต่เขียนมาให้กำลังใจ เราก็รู้สึกดีใจแล้ว ถ้าเจอจดหมายจากคนรู้จักก็จะยิ่งดีใจขึ้นไปอีก

หินเล่าว่า ตัวเขาเอง ‘หยก’ วรวุฒิ และ ‘ใหญ่’ พิชัย ไม่ค่อยมีญาติมาเยี่ยมเหมือนคนอื่นๆ หินจึงอยากชวนให้เพื่อนมาเข้าเยี่ยมแบบคอนเฟอเรนซ์ (วิดีโอคอลผ่านแอปพลิเคชันไลน์) หน่อย จะได้อัปเดตสถานการณ์ข้างนอกกันบ้าง เวลาได้กลับบ้านจะได้ไม่ต้องไปทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างถูกขังเยอะจนเกินไป

วันที่ 5 ก.ย. ที่จะถึงนี้ หินบอกว่าจะได้ออกไปศาลในนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีที่ถูกคุมขังอยู่นี้ จึงอยากชวนให้ทุกคนมาร่วมจับตาที่ศาลอาญา สุดท้ายหินฝากบอกคนข้างนอกว่า “อดทนหน่อย ข้างในยังสู้เหมือนเดิม แม้จะโดนกดดันก็ตาม”

“ดิว” สมชาย – ทะลุแก๊สเหลือสบู่ ‘ก้อนเดียว’ แต่ต้องใช้อาบน้ำกัน 12 คน

ดิว สมชาย

ดิวเล่าว่า จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังปรับตัวไม่ได้สักที ยังรู้สึกเครียด อยากออกไปจากที่ที่เรียกว่าคุกสักที พักนี้นอนไม่หลับแทบจะตลอดทั้งคืน จนต้องขอยานอนหลับมาช่วยให้นอนได้ 

วันที่ 5 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ดิวบอกว่าจะถูกเบิกตัวออกศาลอาญา อยากให้แฟนมาด้วย เพราะคิดถึงแฟนมาก เงินที่แฟนฝากให้ก็หมดแล้ว เพราะอยู่ที่นี่ต้องแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ เหลือแต่มาม่าเอามาต้มกินกับข้าว ของใช้ส่วนตัวก็ใกล้หมด อย่างเช่นสบู่ ก็เหลือแค่ก้อนเดียว แต่ต้องใช้ด้วยกันทั้งห้อง 12 คน

ตอนนี้ยังกินข้าวตามปกติ แต่กินเพียง 1 มื้อตอนกลางวัน ด้านงานในเรือนจำยังคงประจำอยู่กองงาน ‘ขัดอ่างน้ำ’ อยู่ เมื่อทำงานเสร็จก็จะไปซ้อมต่อยมวย ดีกว่าอยู่เฉยๆ จะทำให้รู้สึกเครียดและฟุ้งซ่านคิดถึงความเป็นไปของโลกภายนอกเสมอ

จากนั้นทนายได้อ่านจดหมายที่มีคนฝากมาให้ดิวได้ฟัง เมื่อทนายอ่านจบ ดิวบอกว่า “น้ำตาจะไหล” เพราะรู้สึกตื้นตันใจที่มีคนข้างนอกห่วงใยอยู่เสมอ 

ดิวฝากบอกด้วยว่า “รอวันพวกผมออกไปกินหมูกระทะด้วยกัน”

“คิม” ธีรวิทย์ – ดีใจที่ผู้จัด Demo Expo จัดที่นั่งรอผู้ต้องขังการเมือง

คิม ธีรวิทย์

“เราอยู่ในนี้มา 60 กว่าวันแล้ว” คิมพูดพร้อมโชว์ปฏิทินน้อยที่เขาพกติดตัวให้ทนายดู 

กว่า 2 เดือนแล้วที่ถูกคุมขัง ตอนนี้ทานอาหาร 1 มื้อตอนบ่าย ช่วงนี้มีปัญหาเรื่องนอนหลับยากในตอนกลางคืน ช่วงกลางวันคิมก็เลยพยายามที่จะไม่งีบนอนระหว่างวัน เพื่อจะได้นอนหลับกลางคืนได้

ผู้ต้องขังชายที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ คิมเล่าว่า ตอนนี้แยกกันอยู่เป็น 2 ห้อง ทะลุแก๊ส 1 ห้อง และทะลุฟ้า 1 ห้อง ทุกคนมาอยู่รวมกันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะได้ช่วยเหลือกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่ม ได้ใช้เวลาว่างเตะฟุตบอล เล่นวอลเลย์บอลด้วยกันบ้าง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อยเหมือนกัน 

ตอนนี้คิมมีหน้าที่ดูแลจดหมายเข้า-ออก และอีเมลของเรือนจำโดยตรง “จดหมายที่คนข้างนอกส่งมาให้เพื่อนๆ ในเรือนจำจะไม่ตกหล่นแน่นอน เพราะเขาเป็นคนดูแลเองกับมือ การได้ทำงานในเรือนจำอย่างนี้ช่วยฆ่าเวลาให้ผ่านไปได้ไวกว่าอยู่เฉยๆ” เขาบอก

เขาได้รับจดหมายที่คนข้างนอกส่งมาให้แล้ว ทำให้ได้รู้ว่า คนข้างนอกยังคงคิดถึงและไม่ลืมพวกเรา อ่านแล้วก็ใจฟูขึ้นมากๆ วันที่ 5 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐาน คิมไม่แน่ใจว่าจะถูกเบิกตัวไปจากศาลหรือให้ติดต่อไปผ่านวิธีวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ 

ก่อนจะจากกัน คิมถามว่า “งานคอนเสิร์ต ‘DEMO EXPO’ ที่จัดขึ้นที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2565 มีคนจัดที่ว่างให้เขากับเพื่อนๆ ไปดูคอนเสิร์ตจริงไหม” 

“จริง” ทนายตอบ เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็เบิกยิ้มกว้าง แสดงอาการดีใจ และฝากขอบคุณคนข้างนอกที่เขียนจดหมายมาให้และยังคิดถึงกันอยู่

“บรรยากาศงานคอนเสิร์ต ‘DEMO EXPO’ ที่จัดขึ้นที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2565
ผู้จัดงานการจัดเตรียมที่นั่งเป็นเก้าอี้และเบาะนั่ง จำนวน 31 ที่ ไว้สำหรับผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่
X