นัดวันตรวจพยานหลักฐานคดีระเบิดราชประสงค์เพิ่ม 3 และ 17 พ.ค. หลังยังตรวจไม่แล้วเสร็จ ด้าน “อาเดม” หมดสติขณะยืนเคารพตุลาการฯ กลางศาลทหาร
วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ศาลทหารกรุงเทพนัดตรวจพยานหลักฐานคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรเมื่อในวันที่ 17 และ18 สิงหาคม 2558 ตามลำดับ โดยมีนายบิลลาล เติร์ก มูฮัมเหม็ด หรือ อาเดม คาราดัก จำเลยที่ 1 และนายเมียไรลี ยูซุฟู จำเลยที่ 2 หลังพนักงานอัยการศาลทหารเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ใช้วัตถุระเบิดฆ่าผู้อื่น พยายามกระทำให้เกิดระเบิด พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และอื่นๆ รวม 10 ข้อหา ในขณะที่จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ในการตรวจพยานหลักฐานวันสุดท้ายนายชูชาติ กันภัย ทนายความจำเลยที่ 1 และนายจำเริญ พนม ภคากร ทนายความจำเลยที่ 2 ขอเพิ่มวันตรวจพยานหลักฐานจากศาลทหาร ซึ่งทนายฝ่ายโจทก์ไม่ขัดข้อง ศาลจึงมีคำสั่งให้เพิ่มวันตรวจพยานหลักฐานอีก 2 วันคือ วันที่ 3 และ 17 พฤษภาคม 2559 เวลา 8:30 น. เป็นต้นไป ทั้งนี้ขณะที่เจ้าหน้าที่ภายในศาล อัยการทหาร ทนายทั้งสองฝ่ายและจำเลยทั้งสองคนกำลังยืนเคารพตุลาการศาลทหารนั้นนายอาเดม คาราดัก ก็หมดสติชั่วขณะ ศาลจึงสั่งให้แพทย์และพยาบาลจากกระทรวงกลาโหมเข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้น้ำเกลือและตรวจร่างกาย
ผลการตรวจสอบเบื้องต้นของแพทย์ยืนยันว่า นายอาเดมมีน้ำตาลในเลือดและความดันปกติ แต่อาจมีภาวะเครียดและโรคประจำตัวทำให้รับประทานอาหารได้น้อย ซึ่งหลังจากให้น้ำเกลือแล้วนายอาเดมก็ฟื้น แต่ยังมีสีหน้าอิดโรย ทางทนายฝ่ายจำเลยจึงทำหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์เพื่อให้แพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เข้ามาตรวจร่างกายและหาโรคประจำตัวของนายอาเดมต่อไป
หลังเสร็จสิ้นการตรวจพยานหลักฐานนายชูชาติ กันภัย ทนายความจำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลมีคำสั่งให้เพิ่มวันตรวจหลักฐานพยาน เนื่องจากวันตรวจพยานหลักฐานที่ผ่านมาทั้ง 3 วันไม่เพียงพอ โดยมีเอกสารมากถึง 52 แฟ้ม เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นเกิดหลายท้องที่ อีกทั้งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเป็นคดีที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ดังนั้นขั้นตอนต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมจะต้องมีความละเอียดเป็นพิเศษ
นายชูชาติกล่าวต่อไปว่า โดยส่วนตัวไม่หนักใจกับพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ เนื่องจากมีช่องโหว่มาก โดยเฉพาะเรื่องรูปพรรณสัณฐาน เนื่องจากนายอาเดมมีความสูงต่ำกว่าบุคคลที่อยู่ในภาพจากกล้องวงจรปิดถึง 10 เซนติเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นบุคคลเดียวกัน อีกทั้งนายอาเดมยืนยันว่า ลายมือชื่อที่ลงนามในเอกสารซึ่งเป็นหลักฐานของฝ่ายโจทก์ที่ระบุว่านายอาเดมคือบุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น ไม่ใช่ลายมือชื่อของเขาอีกด้วย
“ตอนนี้เหลือพยานหลักฐานที่ยังไม่ได้ตรวจอีกประมาณ 10 แฟ้ม ซึ่งจะตรวจได้ครบในวันนัดตรวจพยานหลักฐานเพิ่มเติม และคาดว่า ช่วงเดือนต้นเดือนมิถุนายน ศาลจะนัดฟังคำสั่งผลการตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยานต่อไป ซึ่งมีจำนวนพยานกว่า 500 ปาก โดยเป็นบุคคลสำคัญกับคดีประมาณ 200 ปาก คาดว่าจะใช้เวลาสืบพยานถึงประมาณ 40 วันเต็ม หรือหากสืบพยานเพียงอาทิตย์ละ 1 วัน ก็ใช้เวลาสืบพยานอย่างน้อย 1 ปี นั่นหมายความว่า จำเลยทั้งสองจะถูกคุมขังอยู่เรือนจำอย่างน้อย 1 ปี” ทนายความ จำเลยที่ 1 กล่าว