Thai PBS เปิดเวทีสาธารณะ ชาวบ้านนามูล ดูลสาด กรณีขุดเจาะปิโตรเลียม
วันนี้ (4 มีนาคม 2558) เวลาประมาณ 14.00 น. รายการ Thai PBS เปิดเวทีสาธารณะที่บ้านนามูล ต.ดูลสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น กรณีขุดเจาะปิโตรเลียม โดยมี นายสมชาย ตะสิงห์ษะ ผู้อำนวยการกลุ่มงานเหมืองแร่ ตัวแทนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดร.อาภา หวังเกียรติ ผู้ช่วยคณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต อ.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายประสาร มฤคพิทักษ์ ตัวแทนสภาปฎิรูปแห่งชาติ นางสาวณัฐพร อาจหาญ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน นายอดิศักดิ์ ตุ้มอ่อน นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน และปลัดอำเภอกระนวนที่ถูกเชิญให้มาเข้าร่วมแลกเปลี่ยนและรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านนามูล แต่ปลัดอำเภอได้ปฏิเสธการเข้าร่วมพูดคุยในเวทีสาธารณะนี้ โดยให้เหตุผลว่าส่วนใหญ่คนที่มาร่วมในเวทนี้มีแต่คนคัดค้าน ด้านบริษัท อพิโก้ ก็ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมเช่นกัน ทั้งนี้ยังมีชาวบ้านนามูลและอีกหลายหมู่บ้านที่เคยมีการขุดเจาะปิโตเรียม เช่น บ้านหนองแซงและบ้านคำไผ่ อ.ท่าคันโท กาฬสินธุ์ มาร่วมแลกเปลี่ยนภายในเวทีสาธารณะครั้งนี้ด้วย
เหตุผลที่ชาวบ้านไม่ยอมเข้าร่วมกับเวทีของบริษัทจัด
ชาวบ้านนามูลเล่าถึงความเป็นมาเกี่ยวกับการที่ชาวบ้านไม่ยอมเข้าประชุมกับรัฐและบริษัทว่า ชาวบ้านเคยยื่นข้อเสนอให้กับทางรัฐว่า อยากได้เวทีที่มีนักวิชาการที่หลากหลาย รวมถึงอยากให้มี กรรมการสิทธิมนุษยชนเข้าไปด้วยรับฟังปัญหาอีกทั้งเวลาประชุมก็ไม่อยากให้มีการลงชื่อ และทุกครั้งที่มีการลงชื่อ ก็จะมีทหารมาทุกครั้ง รวมถึงรู้สึกไม่สบายใจเรื่องลายเซ็นที่จะเอาไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการในการขุดเจาะปิโตรเลียม และยังตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่เคยมีข้อกล่าวหาว่าเวลาที่รัฐจัดเวทีทำความเข้าใจเรื่องการขุดเจาะปิโตรเลียม ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยไม่ยอมเข้าร่วม แต่ในขณะนี้มีเวทีสาธารณะของ Thai PBS ในหมู่บ้าน ซึ่งมีทั้งนักวิชาการจากหลายฝ่าย ทางปลัดอำเภอและบริษัทก็ปฏิเสธ ทั้งที่เป็นเวทีที่มีทั้งนักวิชาการที่หลากหลายเข้าร่วม
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์ กอ.รมน.และผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาเรียกชาวบ้านให้เข้าร่วมประชุมกับทางบริษัทและรัฐ แต่ชาวบ้านไม่ได้เข้าไปร่วม เพราะชาวบ้านเองก็กำลังประชุมเกี่ยวกับ EIA อยู่เช่นกัน อีกทั้งในวันนั้น กอ.รมน. และตำรวจยังเอารถกรงขังผู้ต้องหามาประจำไว้ในเวทีแสดงความคิดเห็นด้วย นอกจากนี้เวลาประชุมจะต้องมีการลงชื่อ และตรงที่ลงชื่อก่อนเข้าร่วมประชุมจะมีทหารคอยคุมอยู่หน้าประตู จึงทำให้รู้สึกกลัวและช่วงนี้อยู่ในสภาวะกฎอัยการศึก ทำให้ชาวบ้านยิ่งรู้สึกกังวลใจมากขึ้นกับการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก รวมถึงการเข้ามาคุกคามจากทางภาครัฐ
รัฐเปิดทางให้บริษัทขนอุปกรณ์เข้าพื้นที่
สายสมร รัตนติสร้อย สมาชิก อบต.ต.ดูลสาด เล่าถึงเหตุการณ์ที่ปลัดอำเภอ มาขออนุญาตให้ทางบริษัทขนอุปกรณ์เข้าพื้นที่ไปไว้ก่อน ก่อนหน้านี้ชาวบ้านไม่เข้าร่วมเซ็น MOU กับทางบริษัท เกี่ยวกับการขุดเจาะปิโตรเลียม อีกทั้งเวลาที่มีการประชุม และมีคำถามสำหรับถามบริษัท คนที่ตอบคำถามแทนบริษัทมักจะเป็น กอ.รมน. ทุกครั้ง และในคืนหนึ่งกลางดึกมีเจ้าหน้าที่เอาเอกสารไปให้ที่บ้าน มาเปิดดูตอนเช้าจึงรู้ว่า เป็นเอกสารเรียกให้ไปปรับทัศนคติ
แค่ทางผ่าน! ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านจริงหรือไม่
ชาวบ้านนามูลร่วมกันเปิดแผนที่เพื่ออธิบายถึงระยะที่จะได้รับผลกระทบจากการขุดเจาะปิโตรเลียม หลุมเจาะดงมูล บี (DM-B) แปลงสัมปทาน L27/43 ของบริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด โดยทางบริษัทอ้างว่าขออนุญาตพลังงานจังหวัดและทางหลวงชนบทแล้ว ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่เขต ต.กุงเก่า อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ แต่จากบริเวณแปลงสัมปทานอยู่ห่างจากพื้นที่ชุมชนบ้านามูลเพียง 2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่สิ้นสุดการแบ่งเขตจังหวัดกาฬสินธุ์และเขตบ้านนามูล อ.กระนวน จ.ขอนแก่น พอดีและอยู่ในขอบเขตพื้นที่ศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม 5 กิโลเมตร แต่ชาวบ้านนามูล ที่อยู่ในเขตขอนแก่นยังไม่เคยร่วมในกระบวนการทำ EIA เลย อีกทั้งในละแวกหลุมเจาะมีทั้ง เกษตรกรรมและชุมชน แต่กลับถูกปัดความรับผิดชอบโดยการบอกว่าอยู่คนละเขตจังหวัด อีกทั้งอพิโก้ยังมีแผนพัฒนาแหล่งผลิตดงมูล ประกอบไปด้วย 3 ฐานเจาะ Pad A , Pad B, Pad C ที่ อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ โดยมีโรงแยกก๊าซที่ อ.ห้วยเม็ก ซึ่ง Pad A ได้มีการทดลองขุดเจาะไปแล้ว หากทางรัฐยังละเลยกระบวนการของการทำ EIA ชาวบ้านอีกพื้นหลายต้องได้รับผลกระทบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความเสี่ยง สองอันดับแรก จากการขุดเจาะปิโตรเลียม
อ.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ กล่าวว่า ถ้าดูพื้นที่จริงจะเห็นได้ว่าพื้นที่นามูลอยู่ห่างจากหลุมขุดเจาะเพียง 1.3 กิโลเมตร เท่านั้น ดังนั้นชาวบ้านจะได้รับอยู่ 2 อย่างหลักๆ คือ ความเสี่ยงที่ 1) อยู่ใต้ทิศทางลมซึ่งจะทำให้ได้รับไฮโดรเจนซัลไฟด์ (hydrogen sulfide)หรือก๊าซไข่เน่า มีกลิ่นเน่าเหม็นเหมือนไข่เน่าซึ่งอาการพิษเฉียบพลันของผู้ที่ได้รับก๊าซนี้คือ คลื่นไส้ หายใจขัดต่อเนื่องจากการขาดออกซิเจน หมดสติ และอาจถึงตายได้ถ้ามีความเข้มข้นสูง ความเสี่ยงที่ 2) คือมีพื้นที่เกษตรกรรมอยู่ติดกับหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม เช่น ยางพาราและอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหาย
ผลกระทบจากก๊าซไข่เน่า
ชาวบ้านคำไผ่ อ.เมื่อ จ.กาฬสินธุ์ เล่าว่า ในช่วงที่บ้านคำไผ่ จ.กาฬสินธุ์ มีการทดลองขุดเจาะปิโตรเลียมอยู่ประมาณ 3 ครั้ง บางที มีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า ช่วงแรกๆ ไม่รู้ก็คิดแค่ว่ามันคงเป็นกลิ่นไข่เน่า แต่พักหลังๆ เริ่มได้กลิ่นบ่อยๆ ทำให้สามีอาการลิ้นแข็ง ตัวชาและหมดสติ จึงได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ผลวินิจฉัยของแพทย์เขียนระบุว่ามีอาการเส้นเลือดในสมองตีบ
สมชาย ย้ำ EIA ทำถูกต้องตามกระบวนการ ต้องรอให้เกิดผลกระทบก่อนถึงจะเรียกว่าเกิดผลกระทบ
นายสมชาย ตะสิงห์ษะ ผู้อำนวยการกลุ่มงานเหมืองแร่ ตัวแทนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระบวนการทำ EIA เป็นไปอย่างถูกต้องตามกระบวนการและมีการสำรวจผลกระทบแล้วในกระบวนการทำ ถ้าอยู่ในรอบ 1 กิโลเมตร จะสอบถามทุกหลังคาเรือน แต่ถ้าเลย 1 กิโลเมตร จะสุ่มทำ ในเรื่องของผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อม อีกทั้งหลุมขุดเจาะอยู่ในเขตพื้นที่ของจังหวัดกาฬสินธุ์ ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ ของ จ.ขอนแก่น การที่ EIA ฉบับนี้ผ่านเพราะมันยังไม่เกิดผลกระทบต้องรอให้เกิดผลกระทบเสียก่อนสำหรับหลุมนี้ ถึงจะบอกได้ว่ามีผลกระทบ ส่วนจะหยุดหรือไม่ให้หยุดโครงการต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการตัดสินของศาลที่ชาวบ้านได้ฟ้องไป
ปกรณ์ สระแก้งตุ่ม ชาวบ้านนามูล ถามว่า ถ้าการทำ EIA คือ การทำภายใน 5 กิโลเมตรและผลกระทบเกิดขึ้นภายใน 5 กิโลเมตร แล้วEIA ให้ผ่านได้อย่างไร ใครจะรับผิดชอบต่อผลกระทบเหล่านั้น ทั้งการเกษตร น้ำ สุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่
ปัญหาของการทำ EIA กรณีบ้านหนองแซงล้มเหลวหรือต้องปฎิรูปใหม่หมด!
มีการขุดเจาะในหลุมแรกที่ ต.นาตาล อ.ท่าคันโท และมีการทำ EIA ผ่าน แต่พอมีการย้ายไปขุดเจาะหลุมอื่นที่อยู่ห่างหลุุมแรกในระยะประมาณ 3 กิโลเมตร กลับไม่มีการทำ EIA ใหม่แต่กลับให้ใช้ EIA ฉบับเดิม
ข้อเสนอของ กระบวนการ EIA จากนักวิชาการ
ดร.อาภา หวังเกียรติ และอ.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ ส่วนใหญ่กระบวนการทำ EIA มักจะจ้างนักวิชาการให้ทำและเอาเข้าจริง ชาวบ้านแทบจะไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนั้นเลย อีกทั้งในช่วงการขนอุปกรณ์ทางบริษัทก็ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าก่อน 15 วัน ตามกฎหมาย แต่ยังขนอุปกรณ์เข้าพื้นที่จนเสร็จโดยรัฐเป็นคนเปิดทางให้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะการที่ทหาร ตำรวจเข้ามาในพื้นที่ด้วยพฤติกรรมต่างๆ ภายใต้กฎอัยการศึกแล้วถือว่าเป็นการคุกคามสิทธิฯของชาวบ้าน ดังนั้น จึงเสนอให้หยุดโครงการขุดเจาะไปก่อนและให้ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมและถี่ถ้วน เพราะถ้าปล่อยให้มีการขุดเจาะก็คงจะเกิดปัญหาเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้น ตัวอย่างก็มีให้เห็น ดังเช่น กรณีบ้านคำไผ่และบ้านหนองแซง จ.กาฬสินธุ์
สปช. ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้ามีมาตรการและมาตราฐาน EIA แล้วทำไมถึงมีคนป่วย
ประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิก สปช. ย้ำว่ากระบวนการทำ EIA มีปัญหาจริง และต้องให้หยุดโครงการขุดเจาะปิโตรเลียมเสียก่อน อีกทั้งการที่ทหารเข้ามาในพื้นที่นามูลนั้นทำให้สร้างความกลัวและความขุ่นข้องใจแก่ชาวบ้าน ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่อยู่ในกฎอัยการศึกยิ่งไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชาวบ้านบ้าง เพราะกฎอัยการศึกเป็นกฎหมายพิเศษ จะใช้ทำอะไรก็ได้